สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์ e-mail: [email protected] ภาพ : เจริญ เพ็ชรกิจ
|
|
แม้ชื่อของ สุภาพ หาญคณิตวัฒนา จะถูกพูดถึงในฐานที่เป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารความเสี่ยงราคา ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของไทยอย่าง ปตท. ก็จริง แต่หากมองให้ลึกไปกว่านั้น เธอคือนักบริหารความเสี่ยงของชีวิตที่เก่งที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะนอกจากการวางแผนออกแบบชีวิตให้กับตัวเองแบบข้ามชาติแล้ว เธอยังเป็นมือโปรฯในการชวนญาติพี่น้องเข้าสู่เส้นทางบุญได้มากอย่างน่าสนใจ
|
"ชีวิตเราก็เหมือนคนธรรมดาๆ ทั่วไป หลังจาก เรียนจบปริญญาโทที่อเมริกาแล้ว ได้ตัดสินใจทำงาน ที่นั่นสักระยะหนึ่ง จากนั้นก็บินกลับเมืองไทย มา เริ่มงานกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ด้วย ความพร้อมด้านภาษาและประสบการณ์การทำงาน
มาจากสหรัฐอเมริกา จากพื้นความรู้ทางปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ่วงด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจจากอเมริกา จึงเริ่มต้นงานที่ ปตท. ในตำแหน่งนิติกรประจำสำนักกฎหมายตั้งแต่ปี ๒๕๒๔
หลังจากนั้นก็ได้โยกย้ายงานมาหลายหน้าที่จนถึงตำแหน่งปัจจุบันรับผิดชอบฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารความเสี่ยงราคา ตำแหน่งนี้ก็อยู่มาเกือบ ๑๐ ปีแล้ว เป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวนตลอดเวลา
ดังนั้นจะทำอย่างไรให้การค้าของเราไม่มีความเสี่ยง ต่อการขาดทุน ซึ่งการทำหน้าที่นี้ยอมรับเลยว่าบางครั้งเครียดมาก เพราะหน่วยงานที่เราไปบริหาร จัดการความเสี่ยงให้ไม่ค่อยเข้าใจปรัชญาการบริหาร ความเสี่ยงมากนัก และยังกลัวๆ กล้าๆ ที่จะให้เราทำเพราะกลัวว่าเราจะทำกำไรน้อยไปอยากได้กำไรสูงๆ ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงในชีวิตมันทำยากมาก
เพราะราคาน้ำมันมีความผันผวนอยู่ ตลอดเวลา ดังนั้นการจะทำงานในหน้าที่นี้ได้ดี ต้อง อาศัยความเก่งและเฮงที่มีเฉพาะตัว
ก็คือ ต้องเอาบุญเข้าช่วยด้วย ถึงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากงานที่ต้องรับผิดชอบสูงแล้วเธอยังมีชีวิตอีกด้านหนึ่งคือการเข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นคนเข้าวัดทำบุญมานานแล้ว ก่อนที่จะมา เจอวัดพระธรรมกายก็ไปวัดดังๆ มาหมด สายไหนดี เราก็ไปแบบศึกษาปฏิบัติอย่างจริงจัง แต่พอมาเจอวัดพระธรรมกาย เราชอบตรงที่ได้ทำบุญครบทุกอย่าง ทั้งทาน ศีล ภาวนา ฟังเทศน์ เรียนพระไตรปิฎก ช่วยสาธารณกุศล แล้วที่สำคัญพอทราบว่าหลวงพ่อ ท่านจะสร้างให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกเรายิ่งประทับใจมากเพราะทุกวันนี้โลกเรา ยังไม่มีศูนย์กลางพระพุทธศาสนาเลยหรือแม้แต่ประเทศไทยของเราที่ได้ชื่อว่า มีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนาถึง ๙๕ %ของประชาชนทั้งประเทศก็ยังไม่มีศูนย์รวมคำสอนของพระพุทธศาสนา หาก คนต่างชาติมาเมืองไทย เพื่อมาศึกษาพระพุทธศาสนาเราก็ยังบอกไม่ได้ว่าให้ไปวัดไหนดี เพราะทุกวัดมีข้อวัตรปฏิบัติแตกต่างกัน แล้วที่ไหนคือแก่นแท้ของ ศาสนาพุทธจริงๆ เราก็ตอบไม่ได้ เพราะทุกวันนี้มีคำสอนหลากหลายมาก ซึ่งแต่ละสาย ก็มีดีต่างกัน จากปัญหาตรงจุดนี้เองหลวงพ่อท่านจึงมีความคิดอยากจะรวมคำสอนดั้งเดิมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่กระจัดกระจายกันไปอยู่ตามนิกายต่างๆ ตามภาษาต่างๆ โดยการรวมพระสงฆ์ทุกนิกายทั่วโลก เพื่อมา ศึกษาหาคำสอนดั้งเดิมก่อนที่จะแตกเป็นนิกายต่างๆว่าก่อนหน้านั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านเป็นอย่างไร เพื่อจะได้มาปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อปฏิบัติเหมือนกันความแตกต่างก็จะหมดไป ไม่มี การถือเราถือเขาว่าเป็นนิกายนั้น นิกายนี้ วัดนั้น วัดนี้ จะมีก็แต่เพียงพุทธนิกาย คือ นิกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านิกายเดียว เมื่อเป็นดังนี้แล้วเราก็จะรู้ แก่นแท้ของศาสนาพุทธ แล้วการบวชก็จะเป็นไป ในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือ มีเป้าหมายในการทำ พระนิพพานให้แจ้งและสุดท้ายทุกคนก็จะได้ประโยชน์สูงสุด
ถึงวันนี้ เราเข้าวัดพระธรรมกายมา ๒๐ กว่าปี ได้เห็นหลวงพ่อทำในสิ่งนี้มาตลอดแม้ท่านจะเจออุปสรรคมากมาย ท่านก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจ จาก จุดนี้เองทำให้เราร่วมบุญสร้างศาสนสถานเรื่อยมา โดยขอเป็นประธานรองทอดกฐินตั้งแต่ สมัยที่คุณยาย อาจารย์ท่านยังอยู่ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้รวยอะไรมาก ยังเป็นมนุษย์ทำงานกินเงินเดือนคนหนึ่ง แต่เราก็มีใจอยากจะช่วย อยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาก่อนที่เราจะละจากโลกนี้ไป อีกทั้งก็ตั้งใจเอาบุญตรงนี้ช่วยตัวเองในชาติหน้าเพราะวางแผนชีวิตไว้ว่า ชาติหน้าอยากมีทุกอย่างพร้อมกว่าชาตินี้ ไม่ต้องลำบากทำมาหากิน ปลอดกังวลจากการหาเลี้ยงชีพ เพื่อจะได้เอาเวลาไปใช้ในการนั่งสมาธิ ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญสร้างบารมี ดีกว่า" ทำงานกินเงินเดือน แล้วทำไมมีเงินทำบุญจำนวน มากๆ
เฉพาะญาติที่เธอได้ชวนมาวัดพระธรรมกาย มาทำบุญอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งหมดเกือบ ๓๐ ชีวิตแล้ว
เราไม่ได้ทำบุญคนเดียว เราชวนญาติพี่น้องเพื่อนๆและทุกคนที่รู้จัก แม้แต่ลูกค้าที่ชอบทำบุญ สาเหตุที่ทำอย่างนี้เป็นเพราะตั้งแต่มาวัดแล้วชีวิตเรา มีความสุขขึ้น ได้ในสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ มีหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ รู้วิธีปิดอบายให้กับตัวเอง เช่น ต้องถือศีล ๕ ให้มั่นคง มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป จนรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่ได้มาพบวัดพระธรรมกาย ได้รับการอบรมพร่ำสอนจากหลวงพ่อทั้งสองท่าน จนรู้สึก อยากจะให้สิ่งดีๆเหล่านี้เกิดกับญาติพี่น้องเราทุกคน จึงได้ทำให้เราเริ่มทำหน้าที่กัลยาณมิตร ชวนญาติให้มาเข้าใจในเรื่องบุญ
บางคนไม่กล้าชวนญาติตัวเองทำบุญเลย พอถามก็บอกว่าเกรงใจเขา ไม่อยากไปรบกวนเขา หรือกลัวญาติจะปฏิเสธ ทำคนเดียวดีกว่า...
เราชวนคนทำบุญไม่ได้ชวนทำบาป ดังนั้น ไม่มีอะไรเสียหายเลย แม้เราไม่ชวนเขาทำบุญ เงิน ของเขาก็มีทางไปอยู่แล้ว เพราะชีวิตมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นตลอดเวลาขึ้นกับว่าจะจ่ายไปในทางดี หรือไม่ดีี แต่หากเราชวนเขาทำบุญก็เท่ากับเงินของเขา ถูกใช้ไปในทางดี เป็นการไปรักษาสมบัติให้เขาเพราะวัดก็เอาเงินนี้มาสร้างศาสนสถานให้เห็นๆแล้วก็มีคนมาใช้สถานที่ปฏิบัติธรรม รวมสงฆ์ จำนวนมากๆให้เราได้เห็นอยู่บ่อยๆ
อยากให้คิดใหม่ว่า เราไปชวนเขาทำบุญ เรา ไม่ได้ไปขอเงินเขา แต่เอาโอกาสในการสร้างบุญไป ให้เขาเพราะจะมีสักกี่คนที่เกิดมาแล้วได้โอกาส คือ ได้มาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ต่อพระศาสนาถึงขนาดนี้ เรามีหน้าที่ไปให้ข้อมูลที่ดี ที่สุดถูกต้องที่สุด ด้วยใจที่ปรารถนาดีที่สุด เราทำหน้าที่เพียงเท่านี้ ส่วนเขาจะตัดสินใจอย่างไร มันเป็นหน้าที่ของเขาแล้ว
อีกความรู้สึกหนึ่งที่เราชวนญาติพี่น้องเรามา ทำบุญกับเราตลอด เพราะเราไม่อยากให้พี่น้องที่เรารักมากๆ ที่คลอดตามกันมาถึง ๘ คน ต้องมีความเสี่ยงในชีวิตที่จะไปเกิดอีกในชาติหน้า เพราะเราเห็นชีวิตของพ่อแม่มาแล้ว ที่ทั้งจนทั้งรวยสลับกัน มีชีวิตขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดซึ่งก็แสดงว่าชาติที่แล้วพ่อแม่เราทำบุญมาไม่สม่ำเสมอ
"เกิดมาแล้วในชีวิตหนึ่ง ต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้ง เพื่อให้ตัวเองมีทรัพย์ไปใช้ในภพหน้า ไม่ให้ภพชาติเบื้องหน้าเราลำบากกว่าภพปัจจุบัน ทุกวันนี้ หากเราให้คนอื่นมาเยอะแล้ว มีคนมาชวนทำบุญก็ทำเพราะความเกรงใจมาก็มาแล้ว ทำไมไม่ทำแบบศรัทธาจริงๆ บ้าง ทำแบบให้ตัวเองปลื้ม และภูมิใจในตัวเอง"
ด้วยความปรารถนาดีตรงนี้เอง เราจึงอยากให้ ญาติเราพบสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิต คือได้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาคืออยากให้เขาไปสวรรค์ ให้เกิดมาชาติหน้ารวยกว่าชาตินี้อย่างตลอดต่อเนื่องและแม้รวยแล้วก็ให้มีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สมบัติตัวเองอย่างสบายใจด้วย จากความคิดอย่างนี้ทำให้เราชวน เขาทำบุญกันทุกคน อย่างเช่นการสร้างองค์พระประจำตัวจากพี่น้องทั้งหมด ๘ คน เขย สะใภ้ ในแต่ละบ้าน ญาติของเขย สะใภ้ หลานๆ ทุกคน เราชวนเขาสร้างกันจนครบทุกคนรวมแล้ว ๑๐๐ กว่าองค์ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะคิดดูเถอะว่าคนในสายเลือดเดียวกันสร้างบุญใหญ่พร้อมๆ กัน มันจะภูมิใจมากขนาดไหนนับจากนั้นเราก็เป็นต้นบุญในการชวนญาติพี่น้องมาวัด มาทำบุญไม่ขาดเลย อย่างตอนหล่อรูปเหมือน หลวงปู่สดทองคำ เราก็ชวนให้เขาทำบุญทองคำ คนละ ๒ บาท ชวนกันจนครบไม่ตกไม่หล่น เราชวน แบบนี้ เท่ากับเราออกแบบชีวิตให้กับเราเอง และญาติพี่น้องของเรา เพราะชาติหน้าเราก็จะได้ไปเกิดในตระกูลดีๆ ตระกูลรวยๆ ที่มีสัมมาทิฐิ ไม่มีใครขัดขวางการทำความดีของเรา เพราะเราสร้างเหตุไว้ในชาตินี้แล้ว
มีอุปสรรคไหมในการชวน
ก็มีบ้าง ใหม่ๆ เขาก็ตัดสินใจทำบุญกับเราเพราะความเกรงใจ ก็รู้สึกท้อที่เขายังไม่เข้าใจในเรื่องบุญอย่างถ่องแท้เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรให้เขาทำบุญกับเราด้วยศรัทธาและเข้าใจในบุญที่เขาทำ เขาจะได้บุญอย่างเต็มๆ ไม่มีพร่องซึ่งต่อมาก็ต้องเป็นหน้าที่ของเราแล้วว่า เราต้องเปลี่ยนจากความเกรงใจให้กลายเป็นความเข้าใจให้ได้ เพราะการทำบุญด้วย
ความเกรงใจก็ได้บุญระดับหนึ่ง สู้ทำบุญ จากความเข้าใจไม่ได้ เพราะเงินทองที่ต้องทนลำบาก หามาทั้งชีวิตไม่ได้มีไว้เพื่อเก็บ ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ และหากเราต้องตายในวันพรุ่งนี้ เงินที่กำอยู่ในมือก็ไม่ใช่ของเราแล้ว หรือเกิดมาแล้วต้องมาหาเงินเก็บทั้งชีวิตไว้ให้คนอื่นใช้ มันก็จะขาดทุนจากการเกิดในชาตินี้เพราะถ้าทำบุญน้อยกว่าบุญที่ใช้ไปในชาตินี้ ชาติหน้าก็จะเกิดมาจนกว่าชาติปัจจุบัน ถ้าทำบุญมากกว่าที่ใช้ไปก็จะมีกำไรจากการเกิดมาเป็นมนุษย์เราไม่รู้ว่าเราใช้บุญไปเท่าไรแล้ว
ตั้งแต่เกิดมา ดังนั้นเพื่อไม่ประมาทในชีวิต ก็หาแหล่งเนื้อนาบุญให้เงินที่เราทำบุญไปได้บุญมากๆและเกิดบุญกับเรา
อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อจะได้มีกำไรในการเกิดมาในชาตินี้ดังนั้น เกิดมาแล้วในชีวิตหนึ่ง ต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้างเพื่อให้ตัวเองมีทรัพย์ไปใช้ในภพหน้า ไม่ให้ภพชาติเบื้องหน้าเราลำบากกว่าภพปัจจุบัน ทุกวันนี้หากเราให้คนอื่นมาเยอะแล้ว มีคนมาชวนทำบุญก็ทำเพราะความเกรงใจมาก็มากแล้ว ทำไม ไม่ทำแบบศรัทธาจริงๆ บ้าง ทำแบบให้ตัวเองปลื้มและภูมิใจในตัวเอง เพราะในวาระสุดท้ายของชีวิต บุญใหญ่ที่เราตัดความตระหนี่ออกจากใจนี่แหละ.. จะรื้อผังจนออกจากชีวิตเราได้ และจะช่วยให้เรา นึกถึงได้อย่างปลาบปลื้มและมีความสุขตลอดเวลา ทำให้นำเราไปสู่ภพภูมิที่ดีมีความสุข
เธอชวนญาติพี่น้องมาร่วมกันเป็นประธานกฐินด้วยความปลื้มปิติเบิกบาน
พอมาถึงตรงนี้ให้ลองทบทวนดูเถอะว่า...ชั่วชีวิตเรา มีบุญใดที่ทำแล้วเกิดความรู้สึกอย่างนี้บ้าง หากยังไม่มีก็อยากชวนให้มาสร้างมหารัตนวิหารคด ในช่วงนี้เพราะเป็นบุญใหญ่มากที่สร้างแล้วจะ เกิดการรวมสงฆ์และพุทธบริษัท ๔ ทั่วโลกให้มาทำ ความดี เมื่อทำอย่างนี้แล้วก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด กับพระพุทธศาสนา ถ้าวันที่วิหารคดเสร็จเราได้มาเห็นพระภิกษุมาในสถานที่ที่เราสร้างด้วยเงินเราที่หามาด้วยความเหนื่อยยาก เป็นเงินของญาติพี่น้อง เงินของคนในตระกูลที่ชวนกันทำเมื่อถึงวันนั้นเราจะปลื้มและมีความสุขขนาดไหน
แต่ถ้าเราไม่ทำตอนนี้ คิดว่าเอาไว้ทำตอนแก่ เมื่อวิหารคดเสร็จแล้วต่อให้เรามีเงินเป็นร้อยล้าน พันล้าน อยากสร้างศาสนสถานใหญ่ๆ อย่างนี้ ที่จะรวมสงฆ์และพุทธบริษัท ๔ มาเจริญสมาธิภาวนา เป็นล้านๆ รูป/คน ก็อาจจะไม่มีโอกาสเพราะการจะสร้างศาสนสถานที่ใหญ่เช่นนี้ ผู้สร้างต้องเป็น ผู้มีบุญบารมีสูงมากจริงๆ จึงจะทำสำเร็จได้ และก็ ยังไม่เคยเห็นมีพุทธสถานที่ใหญ่และมีคนมาใช้มากเท่ามหารัตนวิหารคดนี้เลย ถึงตอนนั้นเราอาจจะบอก ว่าเสียดายจัง หมดโอกาสที่จะทำกำไรให้กับชีวิตที่เกิดมาในชาตินี้
อย่าให้เกิดสิ่งนี้กับครอบครัวเราเลยมาสร้างหลังคามหารัตนวิหารคดกันเถอะ ทำให้สุดๆ ไปเลย นะคะ