เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์
แม่ลูกครอบครัวหนึ่งกำลังดำรงชีพออกหากินตามประสาไก่ จากคุ้ยเขี่ยบนพื้นดินตามโคนต้นไม้ อยู่ดี ๆ ก็ได้พากันย้ายขึ้นมาหากินบนพื้นปูน มองรอบ ๆ แล้วบนนี้เป็นที่เก็บของ ไม่น่าจะมีสิ่งใด ให้จิกกินได้ ด้วยความหวังดีผมเลยยกมือชี้ให้ไปหากินบนพื้นดินตามเดิมซะน่าจะดีเสียกว่า
แต่ทั้งครอบครัวกลับทำเฉย ไม่มีตัวใดสนใจ
สักครู่ต่อมาผมหันไปอีกที เห็นสมาชิกตัวเล็ก ๆ ของครอบครัวนี้กำลังใช้ปากแย่งชิงเม็ดข้าวสุก ที่หล่นบนพื้นอย่างร่าเริง เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่สนุกสนานเรียกความสนใจจนผมต้องเดีนเข้าไปดูใกล้ ๆ
ลูกไก่ตัวหนึ่งวิ่งรี่เข้าไปจิกเม็ดข้าวสุก ส่วนตัวอื่นก็ไล่กวดตามรุมแย่ง พอตัวไหนจิกได้ ก็มักจะจิกหล่น ๆ พอผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ อีกถึงได้รู้ว่า ที่ต่างแย่งไล่จิกกันอยู่นี้ไม่ใช่เม็ดข้าวสุก พอหันไปทางแม่ไก่ถึงได้รู้ว่าเม็ดขาว ๆ ที่เห็นนั้นคืออะไร
เธอกำลังขะมักเขม้นใช้จงอยปากจิกเข้าไปยังลังขนาดใหญ่ที่ทำด้วยโฟม จิกจนเม็ดโฟม สีขาวกลม ๆ หลุดออกมา จากนั้น ลูก ๆ ของเธอก็มาเอาไปแบ่งกันจิกเล่น แย่งชิงกันไปมาอย่างสนุกสนาน
จิกแล้วปล่อยทิ้งลงพื้น จิกแล้วปล่อย ๆ จนเม็ดโฟมยุบตัวลงเป็นเม็ดเล็ก ๆ จากนั้นต่อมา ก็จิกแล้วไม่ปล่อย ลูกไก่จิกแล้วกีนเข้าไปเลย
ทั้งแม่และลูก ๆ ต่างจิกเม็ดโฟมกินกันต่อไปไม่หยุด นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกแล้ว ดังนั้นผมจึงรีบเข้าไปไล่ให้ไปหาอย่างอื่นกินด้วยความเป็นห่วงว่าจะเป็นอันตราย
.....................
วันหนึ่งขณะที่รถค่อย ๆ แล่นเข้าไปจอดยังที่หมาย ก่อนที่หลวงพ่อจะลงจากรถก็มีเสียงผู้หญิงญี่ปุ่นดังขึ้นมาในรถว่า "อิชิอิชิโดเระ!" ต่างก็ประหลาดใจที่อยู่ ๆ ก็มีเสียงพูดนี้ดังขึ้น หลวงพ่อจึงถามขึ้นว่า "เธอพูดว่าอะไร?"
แม้เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงพูดนี้ แต่ก็พอเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า เสียงที่ว่านี้เป็นระบบป้องกันความปลอดภัยของตัวรถยนต์ ที่จะดังขึ้นเพื่อช่วยเตือนให้ระวังก่อนที่จะไปชนสิ่งใดเวลาที่ขยับเดินหน้าหรือถอยหลัง หรือเมื่อมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นรอบตัวรถ
อิชิอิชิโดเระ! ดังขึ้นทีไร หลวงพ่อจะพูดขึ้นทุกครั้งว่า "เธอพูดว่าอะไร?"
สิ้นเสียงหลวงพ่อ ทุกคนในรถจะยี้ม ๆ เพราะบางทีเธอก็พูดประโยคใหม่ขึ้นมา บางที ก็พูดซ้ำแบบเดิม แต่ไม่ว่าจะพูดประโยคไหนออกมาก็ตาม ก็ยังไม่มีใครฟังคำที่เธอพูดทันเลยสักครั้ง
ผมเองพยายามตั้งใจฟังอยู่นานก็ยังไม่เคยประสบผลสำเร็จ ลองใช้วิธีพูดตามทันทีที่ได้ยินเสียงเธอดังขึ้น แต่แล้วก็จับเสียงที่ติดหูมาได้แค่เพียงนิดเดียว "อิชิอิชิโดเระ!"
จากแรก ๆ ที่มีความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อได้ยิน อิชิอิชิโดเระ! ดังขึ้น แต่พอนานวันเข้า ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นชวนให้ขำ เมื่อเราต้องนั่งฟังเธอพูด...พูดบ่นอะไรก็ไม่รู้...ไม่รู้เธอเป็นอะไร ของเธอ
ระยะหลัง ๆ นี้ผมเริ่มจะไม่ขำเมื่อเธอยัง อิชิอิชิโดเระ! เช่นเดิม และหลวงพ่อยังคงพูดขึ้นมาเหมือนเดิมว่า "เธอพูดอะไรของเธอ?"
ทำให้ผมเริ่มที่จะฉุกคิดขึ้นมาว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติแล้ว บางทีอาจจะต้องกระตือรือร้นที่จะหาความหมาย คำแปลที่ถูกต้องว่าเธอพูดอะไร ต้องการบอกหรืออยากสื่อสารอะไรกับเรากันแน่ และที่สำคัญผมได้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง
เรากำลังมองข้ามบางสิ่งไปหรือเปล่า?
........................
ชิ้ว! ชิ้ว! ไป! ไป! รู้ไหมว่ามันอันตราย ผมส่งเสียงดัง ๆ พร้อมเดินรี่เข้าไปไล่ไก่ให้ไปหากินที่อื่น
ลูกไก่ทั้งฝูงแตกกระเจิงไปคนละทาง มันคงงง ๆ ว่า กำลังเอร็ดอร่อยอยู่ดี ๆ มาขัดขวางมันทำไม
ส่วนแม่ไก่ตกใจกระพือปีกบินหนีไปอยู่ห่าง ๆ แล้วหยุดหันมามองผม "นี่แม่ไก่...รู้ไหมว่าโฟมนี้ไม่ใช่ข้าวสุก กินเข้าไปไม่ได้ มันอันตราย ขืนกินเข้าไปอีกเดี๋ยวก็ตายกันพอดี เพราะกินเข้า ไปแล้วมันไม่ย่อย รู้บ้างไหม?" แม่ไก่นิ่งฟังเหมือนเข้าใจ
เรื่องก็จบลงง่าย ๆ เช่นนี้
ผมเดินจากมา รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำสิ่งบางสิ่งที่ดีและเหมาะสม เมื่อหันกลับไปมองทั้งแม่ลูกต่างก็เข้าไปบรรเลง จิกกินโฟมอย่างเอร็ดอร่อยตามเดิม
นี่แสดงว่ามันไม่เข้าใจ และไม่สนใจคำเตือนของเราเลย
ถ้าหากว่าเรายกลังโฟมไปไว้ที่อื่นไม่ให้ตามไปจิกได้อีก มันก็คงไม่เข้าใจความห่วงใย และความหวังดีที่เรามีให้แน่ ๆ
ผมไม่รู้จะสื่อสารอย่างไรให้พวกมันเข้าใจ ให้รู้จักระมัดระวัง และให้รู้ถึงอันตรายของสิ่งที่กินไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงบ่นพึมพำให้พวกมันได้ยิน อิชิอิชิโดเระ !
...................
บ่อยครั้งที่ชีวิตเราก็เป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ของแม่ไก่ที่ว่านี้
เมื่อไม่เข้าใจเลยทำให้ไม่สนใจคำเตือน คำแนะนำถึงความปรารถนาดี
รวมไปถึงการมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ ที่เป็นสัญญาณคอยเตือนให้เราระวังเพิ่มขึ้น และไม่ประมาท
ทำให้ได้ย้อนกลับมาคิดว่า ทำไมหลวงพ่อถึงพูดประโยคเดิมซ้ำอยู่เรื่อย ๆ "เธอพูดว่าอะไร?"
เมื่อนึกทบทวนถึงที่หลวงพ่อได้เคยเตือนสติที่ผ่าน ๆ มา อย่างเช่น วันหนึ่งขณะที่กำลังชงยาหอมถวายหลวงพ่อเพื่อแก้อาการลมขึ้นศีรษะ ท่านพูดขึ้นว่า ยังมีเรี่ยวมีแรง ยังแข็งแรงอยู่ จะสร้างบารมี จะปฏิบัติธรรม จะทำอะไรให้รีบ ๆ ทำ พอแก่ตัวแล้วจะทำอะไรก็ทำได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนที่ยังแข็งแรง
หรืออย่างครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ท่านพูดเตือนว่า ชีวิตคนเรานี้ประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวก็วัน เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็หมดเวลาของชีวิตกันแล้ว อย่าได้ประมาท ควรเร่งสร้างบารมี หมั่นสั่งสมบุญให้เต็มที่
รู้สึกมีกำลังใจ และดีใจทุกครั้งที่ถูกกระตุ้นเตือนสติ ไฟแห่งการตื่นตัวลุกโพลงขึ้น และยิ่งรู้ซึ้งถึงความโชคดีที่มีครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อคอยเป็นห่วงเป็นใย
แต่หลวงพ่อท่านจะรู้สึกอย่างไรที่ต้องคอยมาจ้ำจี้จ้ำไชเตือนบ่อย ๆ คงไม่ต่างอะไรกับความเป็นห่วงและความหวังดีที่เรามีต่อไก่แม่ลูกครอบครัวนี้
น่าจะเป็นการดีหากเราสามารถเตือนตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องให้หลวงพ่อมาเป็นกังวลห่วงลูก ๆ อย่างเรา
รถยนต์มีระบบสัญญาณเตือนอัตโนมัติ ชีวิตเราก็มีสติที่จะคอยช่วยตักเตือนให้ไม่ประมาทเช่นกัน
อยู่ที่ว่าเราต้องไม่ละเลยหรือมองข้าม เมื่อมีสัญญาณเตือนต่าง ๆ เกิดขึ้น
สีผมที่เปลี่ยนเป็นสีขาว อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ปัญหา อุปสรรค และความทุกข์ที่ประดังเข้ามา รวมถึงเรื่องใหญ่น้อยอีกมากที่ชีวิตของเราต้องประสบพบเจอ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณเตือนทั้งสิ้น
อยู่ที่เราจะมองข้ามหรือจะเริ่มหันมาทำความเข้าใจ
อิชิอิชิโดเระ!
...............................................