สงเคราะห์โลก
เรื่อง : อุบลเขียว
ธารน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่าม
ค่ำคืนอันโหดร้ายช่างยาวนานราวกับความฝัน ฟ้าแลบแปลบปลาบฟาดเปรี้ยงไม่ขาดระยะ ธรรมชาติระเบิดเสียงหัวเราะสนั่นหวั่นไหว คล้ายจะช่วยปลุกมนุษย์ไร้เดียงสา ซึ่งกำลังหลับใหลอย่างเป็นสุข ให้ตื่นขึ้น มาระแวดระวังภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไร ที่ไหน และอย่างไร เพราะหลายวันมาแล้ว ที่ฝนทิ้งฤดูในเดือนตุลาคมตกกระหน่ำหนักอย่างต่อเนื่อง จากอิทธิพลร่องลมมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่
จากตัวเลขสำรวจของกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย รายงาน สถานการณ์อุทกภัย พบพื้นที่ประสบภัย ๑๗ จังหวัด ๑๐๑ อำเภอ ๕๕๗ ตำบล ๓,๙๗๓ หมู่บ้าน ในจังหวัดระยอง ตราด สระแก้ว นครราชสีมา ปราจีนบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ ชัยภูมิ สระบุรี เพชรบูรณ์ นครนายก สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ ตาก สุรินทร์ บุรีรัมย์ และขอนแก่น
โดยเฉพาะพื้นที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน จากน้ำท่วมสูงของ จ.นครราชสีมาใน ๑๐ อำเภอ ๔๔ ตำบล ๒๔๔ หมู่บ้าน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของพี่น้องชาวโคราชในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ดินแดนที่ราบสูงเลยทีเดียว ทั้งนี้หน่วยราชการ ที่เกี่ยวข้องพยายามประกาศเตือนให้ประชาชนระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ในที่สุดสิ่งที่วิตกกังวลได้กลายเป็นจริง เมื่อกระแสน้ำปริมาณมหาศาลจากป่าเขาใหญ่หลากทะลักลงมาทุกทิศเข้าท่วม อ.ปักธงชัย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สร้างความทุกข์ระทมให้กับประชาชนทั่วหน้า บางรายยังไม่ทันรู้ตัวบ้านทั้งหลังก็จมอยู่ใต้สายน้ำอันเชี่ยวกรากเสียแล้ว สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มูลค่าความเสียหายไม่อาจจะวัดประมาณได้
แม้กระแสน้ำจะท่วมทำลายชีวิตและทรัพย์สิน ..สักปานใด
แต่กระแสธารน้ำใจก็จะไหลเชี่ยวเยียวยาหัวใจของผู้ประสบภัย ..ไม่แพ้กัน
แม้กระแสน้ำจะท่วมถนนทุกเส้นสาย แต่ไม่อาจต้านทานกระแสธารน้ำใจของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ที่คอยหยิบยื่นให้กันอย่างไม่หวงแหน โดยมูลนิธิธรรมกายในอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่พร้อม ด้วยขบวนคาราวานรถบรรทุกหกล้อและรถสิบล้อ นำถุงยังชีพไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในหลายจังหวัด เช่น จ.อยุธยา ลพบุรี สระแก้ว ชัยภูมิ สุพรรณบุรี เพชรบุรี อ่างทอง และสระบุรี
วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พลอากาศเอกวีระวุธ ลวะเปารยะ ไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วมที่ ต.ตะค่า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี จำนวน ๗๐๐ ชุด ซึ่งทำพิธีรับมอบ ณ ศาลา วัดเจ้าขาว โดยมีนายไพบูลย์ ยิ้มประเสริฐ นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.ตะค่า ให้การต้อนรับ และมีประชาชนจากหมู่ที่ ๑ ถึงหมู่ ๙ ใน ต.ตะค่า จำนวน ๗๐๐ คน เดินทางไปรับมอบเครื่องอุปโภคบริโภคในครั้งนี้ ซึ่งสร้างความปลื้มปีติให้กับทุกคนที่เดินทางไปรับมอบเป็นอย่างมาก
วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่งถุงยังชีพ ไปให้ชาวบ้านใน จ.เพชรบุรี จำนวน ๑,๕๐๐ ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยได้รับความเมตตาจากพระครูวัชรธรรมวิโรจน์ เจ้าคณะตำบลตำหรุ และนายสุทธา ธรรมอำนวยสุข นายอำเภอบ้านลาด พร้อมด้วยคณะกัลยาณมิตรใน จ.เพชรบุรี เป็นตัวแทนมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับชาวบ้าน จาก ๕ ตำบล ได้แก่ ต.ตำหรุ ต.โรงเข้ ต.ลาดโพธิ์ ต.สะพานไกร และ ต.สมอลือ
วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบให้กับศูนย์ช่วยเหลือประชาชน จ.อ่างทอง โดยมีทีมงานสมาคมนักวิทยุสมัครเล่นกู้ภัยอ่างทอง นำโดยคุณมณเฑียร อ่อนสกุล รับมอบ เครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบภัย ในพื้นที่
วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นำถุงยังชีพ ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง และน้ำดื่ม จากโครงการตักบาตรพระ ๑,๐๐๐,๐๐๐ รูป ๗๖ จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย จำนวน ๔๐๐ ชุด ไปมอบให้กับ ผู้ประสบอุทกภัยใน ๔ ชุมชน ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายรังสรรค์ บุตรเนียร นายก-เทศมนตรี และกรรมการชุมชนแต่ละพื้นที่ให้การต้อนรับ
วันที่ ๒๐ - ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ นำถุงยังชีพ ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง และ น้ำดื่ม จากโครงการตักบาตรพระ ๑,๐๐๐,๐๐๐ รูป ๗๖ จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย ไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน ต.ปากช่อง ต. ขนุงพระ อ.ปากช่อง, ต.ปรุใหญ่ ต.โคกกรวด อ.เมือง, ต.เสนา อ.สูงเนิน, ต.ปักธงชัย อ.ปักธงชัย กว่า ๗,๐๐๐ ชุด
ความช่วยเหลือยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อีกหลายจังหวัด จนกว่าน้ำจะลดปริมาณลงสู่ภาวะปกติ เมื่อได้เห็นสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยิ่งตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่เราต้องร่วมด้วย ช่วยกันในการบรรเทาทุกข์ภัยที่เกิดขึ้น เพราะคราบ น้ำตาแห่งความสูญเสียทรัพย์สิน บ้านเรือน ข้าวของ และภาพผู้คนมากมายที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด คือ ภาพที่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ทุกช่อง สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวไทยทั้งประเทศ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจให้ เราย้อนกลับมามองตนเองและสิ่งรอบข้างว่า โลกใบนี้ จะยังคงความอุดมสมบูรณ์ในตัวเอง ตราบเท่าที่ สิ่งมีชีวิตบนโลกยังมองเห็นคุณค่าและหวงแหนรักษา ธรรมชาติไว้ แม้สิ่งของนอกกายอาจสูญสลายไปตามกาลเวลา แต่ขอให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า สมบัติอันล้ำค่าสิ่งเดียวภายในตัวเราที่จะไม่ยอมให้สูญเสีย ไป นั่นคือใจ ที่ต้องเฝ้ารักษาให้ผ่องใส ไม่ขุ่นมัว ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่มากระทบ ตั้งใจดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท มุ่งมั่นก้าวเดินไปบนเส้นทางบุญ ด้วยการหมั่นให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อยู่เสมอ ให้บุญกุศลที่เราสร้างไว้เป็นเกราะป้องกันภัยทั้งในภพนี้และภพหน้า ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม