ฉันอยากให้ทุกคน มีประสบการณ์เห็นองค์พระภายใน เหมือนที่ฉันได้เคยเห็นมาแล้ว และมันเหมือนกับ การเดินทางของชีวิต ฉันได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แอน บาร์ตัน ครูสอนภาษาอังกฤษ ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเมือง BURWOOD ประเทศออสเตรเลีย เธอเล่าความขมขื่นของชีวิตให้ฟังว่า "ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ฉันต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง ลูกสาวคนเล็กของฉันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ด้วยวัยเพียง ๗ ขวบเท่านั้น สร้างความทุกข์ระทมแก่ทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอเป็นเด็กน่ารักและเป็นขวัญใจของครอบครัว ฉันจะต้องสงบจิตใจ ปลอบใจตัวเอง สามี และลูกสาวที่เหลืออีก ๒ คน ฉันนอนไม่หลับ ต้องทานยาระงับประสาท แต่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น ฉันได้ไปขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ เวลาที่คุยกับหมอก็รู้สึกดีขึ้น แต่พอออกจากห้องของหมอได้พักใหญ่ ความเศร้ากลับถาโถมเข้ามาในใจอีกครั้งแล้วครั้งเล่า และพอได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท ก็เป็นเหมือนเดิม ตอนคุยก็รู้สึกดี แต่หลังจากคุยกันแล้วความโศกเศร้า ก็ยังคงติดอยู่ในใจฉัน อีก ๒ ปีผ่านไป ฉันยังคงจมอยู่กับความทุกข์..
..จนกระทั่งวันหนึ่งฉันสังเกตเห็นว่า มีพระภิกษุห่มจีวรสีเหลือง นั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่านส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเบิกบาน ท่านขอให้ฉันสอนภาษาอังกฤษด้านการออกเสียงให้ และฉันก็ได้บอกกับท่านว่า "ดิฉันไม่ขอรับปัจจัยค่าสอน แต่ฉันจะดีใจมากกว่า หากฉันสอนภาษาอังกฤษให้แก่ท่าน และท่านก็สอนสมาธิให้แก่ฉัน" ท่านตอบตกลงด้วยความเมตตา ซึ่งทำให้ฉันได้รู้จักกับศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ และเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของชีวิตฉันในเวลาต่อมา"
๖ ปีผ่านไป นับจากวันที่สูญเสียลูกสาว เธอใกล้จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ดูเหมือนว่าบางสิ่งในด้านมืดไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น และทิ้งทุ่นปัญหาของชีวิตรังควาญเธออีกระลอก คราวก่อนสูญเสียลูก แต่คราวนี้เธอกำลังสูญเสียคู่ชีวิต เพราะสามีที่เคยร่วมชีวิตกันมาขอแยกทาง "ฉันเครียดอย่างหนัก เราแต่งงาน อยู่กินกันมาถึง ๑๖ ปี ใช้ชีวิตคู่ผจญความยากลำบาก ประคับประคองทำทุกอย่าง มาด้วยกัน อยู่ดีๆ เขาก็เดินออกจากชีวิตของฉันโดยไม่ได้อธิบายอะไรเลย"
ในคืนที่เขาจะจากไป คุณแอน บาร์ตัน รู้สึกถึงความสิ้นหวัง ความทุกข์บีบคั้นทั้งร่างกายและจิตใจ จนรู้สึกไม่สบาย ในระหว่างทางไปโรงพยาบาล ในค่ำคืนที่รถวิ่งกันขวักไขว่ หัวใจของเธอรู้สึก สูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง เธอจึงคิดกระทำการบางอย่าง "ฉันคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดให้ รถชนเสียให้รู้แล้วรู้รอด"
ขณะที่สถิติของการฆ่าตัวตายในประเทศออสเตรเลียกำลังจะพุ่งสูงติดอันดับโลก เพราะคิดว่าการฆ่าตัวตาย จะนำไปสู่ประตูของโลกใหม่ที่ไม่ต้องทุกข์ แต่เมื่อฆ่าตัวตายสำเร็จแล้ว การหลุดพ้นจากความทุกข์หาสำเร็จตามไม่ เพราะผลของ การทำเช่นนั้นเลวร้ายกว่าการทนอยู่กับความทุกข์ในปัจจุบันมากนัก แต่เธอคือหนึ่งในล้านที่โชคดี เพราะเธอฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ
"ขณะที่ฉันกำลังจะกระโดดให้รถชนตาย ทันใดนั้นใจของฉันก็ถูกดึงดูดจากภายใน ไปหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกาย อย่างที่ฉันได้เรียนมาโดยอัตโนมัติ แล้วฉันก็เห็นองค์พระผุดขึ้นมา องค์ใหญ่เหมือนดวงตะวัน ขยายคลุมตัวของฉัน เหมือนอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าขององค์พระมองมาที่ฉันอย่างมีเมตตา แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของพระดังขึ้น มาพร้อมกันว่า "keep your mind.. keep your mind" ตั้งสติไว้ ตั้งสติไว้ และแล้วสติของฉันก็กลับคืนมาอีกครั้ง ฉันฉุกคิดได้ว่า ฉันไม่ได้สูญสิ้นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ฉันยังมีศูนย์กลางกายและยังมีองค์พระ ในขณะที่ฉันจะฆ่าตัวตาย องค์พระได้ปกป้องฉันจากความตาย และเหมือนกับท่านได้พาฉันข้าม ไปสู่อีกฟากหนึ่งของถนนที่เต็มไปด้วยสันติสุข ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน"
ทางด้านเพื่อนสนิทของเธอ แอน ลาควา ซึ่งทำงานเป็นที่ปรึกษา ด้านสุขภาพด้วยการใช้สีบำบัด แม้เธอจะไม่ได้พบกับการสูญเสีย เหมือนกับแอน บาร์ตัน แต่เธอกำลังมีความทุกข์ กับการแสวงหาบางสิ่งที่สำคัญต่อชีวิต ซึ่งยังไม่พบสักที เธอเล่าว่า "ฉันรู้สึกเหมือนตนเอง กำลังเดินทาง ตามหาแผนที่ฉบับหนึ่งอยู่ ไม่ใช่แผนที่ฉบับใดในโลก แต่เป็นแผนที่ของชีวิต และฉันก็ได้แสวงหาวิธีการฝึกสมาธิ มาหลายรูปแบบจากหลายๆ คุณครู ทั้งโยคะ คริสเตียน แลปไต และอินเดียนสไตล์ แต่สารพัดวิธีการเหล่านั้น ก็ไม่ได้ให้คำตอบของแผนที่ที่ฉันต้องการ
จนกระทั่งในปี ๒๕๔๖ ฉันได้ไปเรียนการทำสมาธิจาก Evening College และที่นั่นเอง ฉันได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอได้แนะนำฉันเกี่ยวกับ วัดพระธรรมกาย นครซิดนีย์ และแนะนำฉันถึงฐานทั้ง ๗ ของใจ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรู้สึกเลยว่า นี่แหละคือแผนที่ที่ฉันเฝ้าค้นหามาทั้งชีวิต และ ได้ถูกเปิดเผยออกมาในคราวนี้เอง ซึ่งมันไม่ได้ อยู่ที่ไหนไกล อยู่ที่ศูนย์กลางกายของเรานั่นเอง นับแต่นั้น ฉันจึงมุ่งมั่นที่จะฝึกสมาธิ เดินตามแผนที่ภายในอย่างสม่ำเสมอ
เวลาที่ฉันเริ่มนั่งสมาธิ ฉันจะค่อยๆ ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความเครียด และความกังวลทีละน้อยๆ และเริ่มนึกถึงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ วางใจไว้ที่ตรงนั้นอย่างเบาๆ ฉันสัมผัสได้ถึงใจที่ค่อยๆ นิ่งอย่างช้าๆ และแล้วศูนย์กลางกายของฉัน ก็ค่อยๆ สว่างขึ้น เหมือนกับดวงดาวจรัสแสง ยิ่งฉันปล่อยวาง ความสว่างภายในก็เพิ่มมากขึ้นๆ ดวงดาวภายในสว่างและสวยงามมากขึ้นๆ ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาได้อย่างไร มันสว่างกว่าพระจันทร์ และสว่างกว่าพระอาทิตย์ อยากอยู่อย่างนั้นนานๆ ความสว่างแผ่ขยายกว้างขวาง และครอบคลุม ตัวฉันไปหมด แล้วฉันก็ได้ค้นพบว่า การเดินทาง ที่แท้จริงของชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว"
ปัจจุบันสองเพื่อนสนิท จากออสเตรเลีย ยังคงนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง แอน บาร์ตัน บอกว่า "ฉันกระหายที่จะเรียนรู้ธรรมะอย่างต่อเนื่องให้ ลุ่มลึกยิ่งๆ ขึ้นไป ฉันอยากให้ทุกคนมีประสบการณ์ เห็นองค์พระภายในเหมือนที่ฉันได้เคยเห็นมาแล้ว และมันเหมือนกับการเดินทางของชีวิตฉันได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง"
เช่นเดียวกับ แอน ลาควา "ฉันฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย แม้จะนั่งในที่เดิมๆ ในห้องเดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ แต่ทว่ามีพลังงานอันยิ่งใหญ่จากภายในรอคอยฉันอยู่ ฉันได้เรียนรู้ว่า หากฉันนั่งสมาธิโดยปราศจากการคาดหวังใดๆ แล้ว จะเกิดประสบการณ์ภายในที่ดี เส้นทางของแผนที่ชีวิตภายในสายนี้ ต้องให้ความหยุดนิ่งนำทางไป ปล่อยให้มันเป็นไป นั่นคือกุญแจหรือหัวใจของการปฏิบัติธรรม เดี๋ยวนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีกับตัวเองได้อย่างไร ฉันมั่นใจที่จะดำเนินชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้ามากถึง ๑๕๐ เปอร์เซนต์"
ทางรอดของหนึ่งชีวิต และคำตอบของหนึ่งหัวใจ ถูกเฉลยได้เพียงแค่เปิดโอกาสให้ขนตาชนกัน ทำใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย โลกใต้เปลือกตานั้น ควรค่าแก่การค้นหา มากกว่าโลกไหนๆ หรือดาวดวงใด ดังที่เธอทั้งสองได้ค้นพบแล้ว
แล้วคุณล่ะ วันนี้คุณได้ให้ขนตาชนกันแล้วหรือยัง..