เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์
วันนี้หน้าประตูทางเข้าห้องปฏิบัติธรรมมีการจัดดอกไม้ในรูปแบบที่แตกต่างไปจากที่เคยเห็น
กล้วยไม้ช่องาม ๆ ช่อหนึ่งปักอยู่กลางจานแบน ๆ สีขาว ลักษณะเหมือนจานที่ใส่อาหารรับประทาน แต่จานขาวพิเศษใบนี้ใส่ช่อดอกไม้ให้รับประทานทางสายตา
เปลี่ยนทั้งชนิดดอกไม้และภาชนะที่ใส่ แถมยังมีใบไม้เขียว ๆ เรียวยาว ๒ ใบปักร่วมอยู่ด้วย
ที่ก้นจานมีหินแม่น้ำก้อนเล็ก ๆ ๒ - ๓ ก้อนวางอยู่ที่โคนของช่อ ทันทีที่เห็นผมนึกว่าต้นไม้งอกขึ้นมาบนจาน
เพราะภาพโดยรวมของกล้วยไม้ช่อนี้เมื่อมองแล้วเหมือนต้นไม้ต้นน้อย ๆ ที่ได้งอกออกมา
ทราบต่อมาว่าจัดดอกไม้แบบนี้เป็นศิลปะการจัดแบบญี่ปุ่น ว่ากันว่าไม่ใช่แค่จัดดอกไม้ให้ออกมางดงามเท่านั้น แต่ยังจัดความคิดให้เป็นระเบียบ และยังช่วยจัดใจให้นิ่งอีกด้วย
ในเวลานี้ผมยอมรับว่ายังเข้าไม่ถึงหลักการหรือปรัชญาที่แฝงไว้ในการจัด
แต่ผมชอบวิธีคิดและวิธีจัดให้ออกมาเรียบง่าย รู้สึกสงบ และมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตัว จนทำให้ผมได้คิดอะไรบางอย่างจากสิ่งที่เห็น
สมมุติว่าถ้าผมต้องจัดดอกไม้สไตล์นี้สักแจกันหนึ่ง สิ่งที่ผมต้องทำคืออะไร?
ผมคงต้องเริ่มต้นตั้งแต่เลือกชนิดดอกไม้ เลือกภาชนะแจกัน วาดภาพในใจไว้ว่าจะจัดแบบไหน
และเรื่องสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย ก็คือ การตัดทอนรายละเอียด
ผมเคยเห็นการนำดอกบัวมาจัดสไตล์นี้ ผู้จัดได้ลิดกลีบดอกออกจนเหลืออยู่เพียงแค่กลีบหรือ ๒ กลีบเท่านั้น
มีบางดอกที่ลิดกลีบออกหมดเกลี้ยงเพราะเขาต้องการเผยให้เห็นเกสรสีเหลืองทอง
และบางดอกก็ยังนำเกสรออกไปจนหมดเพื่อให้เหลือเฉพาะฝักอ่อนขาวนวลเพียงอย่างเดียว
เป็นการตัดรายละเอียดปลีกย่อย ให้เหลือแต่แก่นที่ต้องการและจำเป็น เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงสิ่งสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายใน
ถือเป็นการกระตุ้นสติอย่างดีว่า อย่าได้ยึดติดกับสิ่งที่เห็นภายนอกมากนัก
ถ้าชีวิตเป็นดั่งดอกไม้ การลอกเปลือกหุ้มชีวิตออกเสียบ้าง คงไว้เท่าที่สำคัญและจำเป็น จริง ๆ ชีวิตคงจะพบความสุขจากความเรียบง่าย และคงจะช่วยทำให้ชีวิตคล่องตัวขึ้น
ชีวิตที่เบาสบายจากการตัดความพะรุงพะรังทิ้งไปเสียบ้างนั้น ช่วยให้การไปถึงจุดหมายที่ต้องการง่ายขึ้น และรวดเร็วกว่าเดิม
และเมื่อหลวงพ่อเดินมาเห็นท่านได้หยุดมอง
มองอย่างไรภาพรวม ๆ ก็เห็นเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่งอกออกมาจากจาน
และเมื่อพินิจพิเคราะห์แล้วท่านก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ของผู้จัดแจกันจานใบนี้
ปกติแล้วต้นไม้จะต้องมีกิ่ง ก้าน ใบ แล้วถึงจะมีดอก
แต่ไม้ต้นนี้จากต้นพอโตแล้วกลายเป็นดอกเลย หลวงพ่อบอกอย่างนี้เขาเรียกว่า ต้นดอกไม้
ผมชอบคำง่าย ๆ เรียบ ๆ คำนี้ ยิ่งเรียบง่ายยิ่งมีความหมายชวนคิด
อะไรที่ยิ่งยุ่งยาก ยิ่งหาความหมายได้ยากอย่างยิ่ง
อะไรที่ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งแฝงความหมายมากมายอย่างยิ่ง
กล้วยไม้ส่วนใหญ่ออกดอกปีละครั้ง ถ้าดอกอยู่ได้นานราว ๑ - ๒ อาทิตย์ นั่นหมายความว่า เราจะได้ชื่นชมดอกแค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับเวลาที่ต้องบำรุงดูแลตลอดทั้งปี
สิ่งที่อยากได้กับเวลาที่สูญเสียไปไม่สมดุลกัน
ก็เหมือนการปลูกต้นมะม่วงเพื่อหวังกินผลมะม่วง ต้องใช้เวลานานฉันใด การเลี้ยงลูกด้วยการปลูกฝังคุณธรรมความดีจนเติบใหญ่ และได้บวชในพระพุทธศาสนา ก็ต้องรอเวลาถึง ๒๐ ปี
นี่ถ้าเป็นได้ดั่ง ต้นดอกไม้ ต้นที่โตขึ้นออกดอกเลย คงไม่ต้องมาเสียเวลาเติบโตแตกกิ่งก้านใบ
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตคนเราก็เช่นกัน หมดไปกับการเติบโต หมดไปกับการเล่าเรียนเขียนอ่าน การทำงาน การทำมาหากิน การเลี้ยงดูครอบครัว
กว่าจะรู้เรื่องราวของชีวิต กว่าจะรู้ว่าต้องแสวงหาที่พึ่งภายใน กว่าจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ ก็แทบหมดแรง
การลดขั้นตอน ลิดทอนรายละเอียดชีวิตบางเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไป นำศาสตร์และศิลป์มาจัดชีวิตต้นดอกไม้ของเรา นอกจากจะช่วยให้ถึงจุดหมายง่ายและเร็วขึ้นแล้ว เรายังมีเรี่ยวแรงเหลือ ให้ชื่นชมความงดงามของชีวิตได้อีกด้วย
ถ้าปลูกปุ๊บโตปั๊บออกดอกใช้งานได้อย่างต้นดอกไม้ที่เห็นนี้เลยก็คงดี
ยิ่งถ้าเป็นการปลูกต้นดอกไม้ในพระพุทธศาสนาด้วยแล้วยิ่งต้องใช้เวลา
เพราะกว่าจะปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งศรัทธาลงในจิตใจได้สักคน ไหนยังต้องจะประคับประคอง ให้เติบโตมั่นคง เรียกว่าเวลาทั้งชีวิตของผู้ปลูกต้องทุ่มเทลงไปกับขั้นตอนเหล่านี้
ยิ่งเวลาชีวิตมีจำกัดมากเท่าไร หลวงพ่อท่านคงอยากหาเมล็ดพันธุ์ที่ปลูกแล้วโตทันใจใช้งานได้ในทันที
แต่ในเมื่อไม่มีเมล็ดพันธุ์อย่างว่า หลวงพ่อก็จำเป็นต้องยอมเสียเวลาในการปลูก
แม้โตไม่ทันใจ แต่ก็ให้โตทันใช้ก็ยังดี
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมหลวงพ่อถึงให้พรหนูน้อยแบเบาะที่คุณพ่อคุณแม่อุ้มมากราบว่า ให้โตเร็ว ๆ จะได้รีบมาสร้างบารมี
หรือการที่หลวงพ่อเริ่มฝึกเด็กตัวเล็กตัวน้อยให้หัดรู้จักการต้อนรับพระภิกษุ และสาธุชนด้วยรอยยิ้มและเสียงเจื้อยแจ้วว่า ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
โตขึ้นมาอีกหน่อยก็ฝึกให้รู้จักให้ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ ปลูกฝังให้เป็นผู้นำฟื้นฟู ศีลธรรมโลก
พอโตใหญ่ขึ้นไปอีกก็ชวนให้มาบวช มาเป็นเนื้อนาบุญ สืบอายุพระพุทธศาสนา
ใครที่อยู่วัยแบกรับภาระครอบครัวก็ชวนให้มาช่วยกันสนับสนุนทำนุบำรุงวัด
ใครอยู่ในวัยเกษียณชวนบวชให้มาสร้างหนทางไปสวรรค์ของตนเอง
ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนการนำดอกไม้วัยต่าง ๆ ทั้งดอกตูม ๆ ดอกแย้มบาน เรื่อยไปจนถึงดอกที่ใกล้จะร่วงโรยมาจัดรวมอยู่เป็นช่อเดียวกันบนจานแจกันสีขาวที่ชื่อว่า บวรพระพุทธศาสนาใบนี้
ผมมองดูต้นดอกไม้อีกครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินตามหลวงพ่อเข้าไปในห้องปฏิบัติธรรม
ผมรู้สึกดีใจที่ต้นดอกไม้ในใจจากเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ กำลังจะเติบโตบานเต็มที่ เพราะได้ปลูก ลงดินดี น้ำดี และปุ๋ยดี
ที่สำคัญต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีด้วย
หมั่นดูแลและสังเกตการเติบโตของต้นดอกไม้ในใจบ่อย ๆ จะได้เห็นความเจริญงอกงามขึ้น เรื่อย ๆ เพราะนี่เป็นรางวัลที่มีค่าสูงสุดแก่ชีวิตที่เรามอบให้กับตัวเอง
......................................................