พระธรรมเทศนา
เมื่อหลวงพ่อได้ทราบมโนปนิธานของครูบาอาจารย์แล้ว หลวงพ่อจึงตั้งความปรารถนาขอเป็นหนึ่งในผู้ที่จะ สร้างบารมี ติดตาม พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายและพระเดชพระคุณหลวง พ่อธัมมชโยไปจนกว่า จะถึงที่สุดแห่งธรรม
ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อจึงตั้งใจสังเกตการเทศน์สอนและ การฝึกฝนอบรมศิษย์ของคุณยายและพระเดชพระคุณหลวง พ่อธัมมชโย มาโดยตลอด ซึ่งท่านทั้งสองได้วางแนวทางตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำได้วางไว้ นั่นคือ ค่อยๆ เล่าความจริงเบื้องหลังให้ ฟัง แล้วก็ชี้ให้ไปตามอ่านในพระไตรปิฎก เพื่อเทียบเคียงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกได้ว่า ท่านเอาหลังอิงต้นโพธิ์ทุกครั้ง
แต่ละครั้งที่คุณยายและหลวงพ่อธัมมชโยท่านเทศน์สอน ทำให้พวกเราเกิดกำลังใจมหาศาลที่จะปฏิบัติธรรมตามรอย พระบาทองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ท่านคอยเตือนอยู่เสมอว่า ในสังสารวัฏที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดนั้น มีเรื่องราว อีกมากมาย ที่ต้องศึกษา แต่ช่วงอายุมนุษย์นั้นสั้นนัก หากจับแระเด็นไม่ถูก ชาตินี้เกิดมาก็ตายเปล่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ท่านสอน ให้พวกเราไม่ประมาท ในการดำเนินชีวิต และเร่งสร้างบารมีกันอย่างเต็ม ที่แข่ง กับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที
แม้จะได้ยินพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเตือนอย่างนี้เป็นประจำ ตอนนี้หลวงพ่อก็ยังดูเบาไม่ได้คิดอะไรมาก ในยุคนั้นหนังสือ สำคัญๆ ที่ผลิตในประเทศไทยในเชิงวิชาการ สารคดี และในด้านอื่นๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและแปลมาจาก ต่างประเทศนั้น หลวงพ่อได้ อ่าน ผ่านสายตามาหมดแล้ว โดยเฉพาะตำรับตำราในเชิงศาสนา และยังนึกว่าเรา ได้ศึกษามา มากพอสมควร
จนกระทั่งมาถึงวันนี้ วันที่คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลมาก วิชาการสารพัดสาขาได้เกิดขึ้นในโลกมากมาย ถ้าจะอ่านหนังสือที่เกี่ยว ข้องเฉพราะวิชาการสาขาใดสาขาหนึ่งให้จบนั้น ตลอดทั้งชีวิตก็อ่านไม่หมด เพราะผู้เชียวชาญในแต่ละ ด้านก็ค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ ที่ลึกซึ้งและกว้างขวางมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ คนในโลกคงมีไม่กี่คนที่จะได้สึกษาความจริงเกี่ยวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงของ วัฏสงสาร โลกและจักรวาล เพราะความรู้ที่เขาทุ่มเทศึกษากันนั้น ล้วนเป็นเรื่องนอกตัว ส่วนเรื่องของตัวเขาเองเขากลับไม่เคยรู้ ใจของเขาเป็น อย่างไรเขาไม่เคยรู้ สาเหตุที่ต้องมาเดือดเนื้อร้อนใจกันอยู่ทุกวันนี้เพราะกิเลศที่ห่อหุ้มใจมันบีบคั้น เขาไม่รู้ อย่างนี้ชาวโลกก็จะตกเป็น บ่าวเป็นทาสของพญามารยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงถามคุณยายว่า จะแก้ไขอย่างไรเพื่อให้คนทั้งโลกพ้นจากความไม่รู้ คุณยายท่านตอบว่า ต้องเอาวิชชาของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาให้เขารู้ตั้งแต่ชาตินี้ ถึงแม้เขาจะยังไม่หมดกิเลส แต่เขาจะได้เตรียม ตัวไปใน ชาติข้างหน้า แล้วตอนนั้นจะ กลายเป็นทีมใหญ่ที่มาช่วยกันปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษกันจริงๆ
แล้วการใช้วิชชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก้ไขความไม่รู้นั้นอย่างไร หลวงพ่อถามคุณยายต่อไปอีก
คุณยายตอบสั้นๆว่า วิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำท่านค้นให้แล้วว่า พระไตรปิฎกหมดทั้ง ตู้สรุป เหลือคำเดียวคือ "หยุด" หากเราฝึกใจให้หยุดให้นิ่งเป็นสมาธิอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้แล้ว เราจะชนะมารได้ในที่สุด
เพราะฉะนั้น คุณยายท่านจึงบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยตั้งแต่ยังไม่ได้บวชว่า ให้ช่วยสอนคนทั้งโลกให้รู้จัก ทำใจหยุด ใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อชาวโลกเขาได้รู้และลงมือปฏิบัติแล้ว ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมี ของตัวเขาเอง และเป็น ประโยชน์ ต่อการรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าพระนิพพานด้วย
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระยะ ๑๐ กว่าปีมานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านเน้นว่า สื่อต่างๆ ของวัดพระ ธรรมกายไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใด ก็ให้ข้อความ "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" ดังที่พวกเราได้เห็นกันทั่วไปตาม ป้ายที่ติดประชาสัมพันธ์ภายในวัด ท่านจะเน้นของท่านมาอย่างนี้และก็ตรงเป้าหมายที่สุด
ย้อนกลับมาที่พวกเรา เนื่องจากกำลังสติปัญญาของเรายังตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไม่ทัน แต่ละเรื่องเราต้อง ฟังท่าน หลายๆ เที่ยว แต่ท่านก็เมตตาค่อยๆ สอน ค่อยๆ ถ่ายทอดทีละนิดจนพวก เราเริ่มเข้าใจตาม ท่านได้มากขึ้น
ตรงนี้เอง ทำให้หลวงพ่อนึกถึงพวกเราที่มาในภายหลังว่า อยู่ดีๆจะให้มาทำใจหยุดใจนิ่งแล้วสิ่งที่พระเดช พระคุณหลวง พ่อท่าน สอนไปตรงกับพระไตรปิฎกตรงจุดไหนก็ยังไม่รู้ เมื่อตามไม่ทันความรุ้ตรงนี้ หากถูกซักถาม ก็จะตอบที่มาที่ไป ให้เหตุผลอธิบาย ความรู้นี้กับผู้อื่นไม่ได้
หลวงพ่อจึงมาคิดหาวิธีการว่า จะทำอย่างไรให้คำสอนคุณยายและพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยเกิดความเป็น ระบบไล่ไป ตามลำดับๆ เพื่อผู้ที่มาภายหลังได้ศึกษาแล้วก็สามารถเข้าใจและตรอง ตามท่านได้ทันที จึงได้เตรียมค้น ไว้ให้กับพวกเราหลายปีเพื่อ ให้ภาพออกมาชัดเจนที่สุด จะได้เข้าใจถูกต้องตรงกันทั้งหมด
หลวงพ่อได้พยายามทบทวนสิ่งต่างๆ ว่าที่คุณยายเคี่ยวเข็ญอบรมมาเป็นขั้นเป็นตอนนั้น ท่านแพื้นให้มาอย่างไร คิดทบไปทวน มาพอได้สาระในเชิงปฏิบัติแล้ว จุงไปค้นคว้าพระไตรปิฎกเพิ่มเติมว่าตรงกับหลักธรรมใดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นก็นำความ รู้มาฝึกฝนอบรมพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และบุคคลกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามาอบรมในวัด แล้วก็ปรับปรุงตามลำดับ ต่อจากนั้นจึงสรุป ทำเป็นหนังสือออกมา พวกเราไปติดตามอ่านกันให้ดี จะได้ตามทันความรู้ต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ของเราท่านเอาชีวิตเป็นเดิมพันค้นมาไว้ให้ และท่านยังเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการฝึกฝนอบรมสั้งสอนพวกเรา เพื่อให้เป็นยอดนักสร้างบารมีตลอดมาอีกด้วย....
(อ่านต่อฉบับหน้า)