ทบทวนบุญ
เรื่อง : แป้นแก้ว
วันมาฆบูชา มหาสมาคม
...ดิถีมาฆฤกษ์เวียนมาบรรจบอีกหนในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่พุทธบริษัท ๔ จะได้น้อมระลึกนึกถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยในวันนี้เมื่อ ๒,๖๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา พระพุทธองค์ได้ทรงประทาน “โอวาทปาฏิโมกข์” ให้แก่พรอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป อันเป็นหลักธรรมแม่บทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่จะก่อให้เกิดความรุ่งเรืองแก่มวลมนุษยชาติ และวันนี้ยังเป็นวันครบ ๔๖ ปี แห่งการก่อตั้งวัดพระธรรมกาย จึงเป็นโอกาสสำคัญให้พุทธบริษัททั่วโลกเดินทางมาสั่งสมบุญที่วัดพระธรรมกายตั้งแต่แสงแรกของวันมาเยือนจนกระทั่งแสงแห่งมาฆ-ประทีปสว่างเรืองรองทั่วลานธรรมมหาธรรมกายเจดีย์
สั่งสมบุญรับอรุณในพิธีตักบาตร
...วิถีปฏิบัติในวันมาฆบูชาย้อนรอยความรุ่งเรืองดั่งย้อนยุคพุทธกาลให้ปรากฏเมื่อพุทธศาสนิกชนมาร่วมกันประกอบพิธีตักบาตรพระภิกษุ-สามเณรบริเวณลานธรรมทิศใต้มหาธรรมกายเจดีย์ สร้างปีติสุขให้เกิดขึ้นจากการสั่งสมบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และความปลื้มปีติครั้งนี้ยังเกิดจากการได้เห็นพุทธบริษัท ๔ เดินทางมาสั่งสมบุญเป็นจำนวนมาก เป็นการแสดงพลังให้ชาวโลกประจักษ์ถึงความสมัครสมานสามัคคีอันจะเป็นต้นแบบที่ดีให้ผู้มาในภายหลังได้ปฏิบัติตาม
โลกสว่างด้วยหลักธรรมของพระพุทธองค์
...ในวันนี้โลกสว่างด้วยหลักธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอน และสว่างไสวด้วยการปฏิบัติบูชาของพุทธบริษัท ๔ ทั่วโลก โดยในภาคสายสาธุชนได้ปฏิบัติธรรมตามเสียงโอวาทของพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จากนั้นร่วมกล่าวคำถวายดวงประทีปและกล่าวคำถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
ปลื้มปีติยินดีไปกับผู้รับรางวัลด้านศีลธรรม
...พิธีมอบโล่พระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โล่เกียรติยศ และโล่วัชรเกียรติยศ ในโครงการสอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ครั้งที่ ๓๔ และโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลกหรือ World-PEC ครั้งที่ ๑๐ เริ่มขึ้นเมื่อหลวงพ่อทัตตชีโว ประธานสงฆ์ เดินทางถึงศูนย์กลางพิธี
โครงการสอบตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้าส่งเสริมให้เกิดการปลูกฝังศีลธรรมสู่เยาวชนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษารวมทั้งสถาบันการศึกษาทหาร-ตำรวจ ๔ เหล่าทัพ และคณะครูอาจารย์ทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้ชมรมพุทธศาสตร์สากลฯ เป็นผู้ดำเนินงาน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้สร้างผลสัมฤทธิ์ทางศีลธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาเกิดความมั่นใจ จึงให้การสนับสนุนด้วยการนำเยาวชนเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะเดียวกันการสร้างศีลธรรมได้ขยายสู่นานาประเทศผ่านโครงการสอบตอบปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพโลกหรือ World-PEC ครั้งที่ ๑๐ ที่จัดให้มีการสอบภาคภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาลาว เพื่อขยายความรู้สากลที่ไม่จำกัดด้วยเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์
มาฆบูชา รวมศรัทธานานาชาติ
...งานบุญมาฆบูชาในปีนี้ นอกจากมีพุทธศาสนิกชนภายในประเทศเดินทางมาร่วมงานกันอย่างล้นหลามแล้ว ยังมีคณะสงฆ์และผู้มีบุญจากนานาชาติเดินทางมาร่วมงานด้วยเป็นจำนวนมาก
สำหรับคณะสงฆ์นั้นมีจำนวนกว่า ๑๐๐ รูป อาทิ คณะสงฆ์จากประเทศศรีลังกา ซึ่งพระมูกูนูเวละ อนุรุทธะ เถโร เลขาธิการองค์การยุวพุทธสงฆ์โลกจากประเทศศรีลังกา ได้นิมนต์พระมหาเถระผู้ใหญ่จากศรีลังกามาร่วมงานหลายรูป ได้แก่ พระดิมบุลกุมบูเระ วิมะละธัมมะเถโร รองสมเด็จพระสังฆราช สยามโมบาลี มหานิกาย ฝ่ายมัลวัตตะ, พระเวนดารูเวะ อุปาลีเถโร รองสมเด็จพระสังฆราช สยามโมบาลีมหานิกาย ฝ่ายอัสกิริยา และพระเซรุวิละ สรณะกิตติ เถโร รองสมเด็จพระสังฆราช อมราปุระนิกายคณะสงฆ์จากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ประกอบด้วยพระภัททันตะ กุมาระ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์กรุงย่างกุ้ง, พระภัททันตะ เกสระอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งเมืองมัณฑะเลย์,พระภัททันตะ อูนาคิตะ ผู้ประสานงานสมเด็จพระสังฆราช, พระภัททันตะ เกมาสระ เจ้าอาวาสวัดเมียะเจ้า มัณฑะเลย์, พระอินทะญานะเจ้าอาวาสวัดยิงเง ทวาย คณะสงฆ์จากประเทศเนปาลนำโดยพระดร.ญาณะปุณณิกะ ประธานคณะสงฆ์และประธานมหาเถรสมาคมแห่งประเทศเนปาล
นอกจากนี้ยังมีท่านลามะกังเซน ประธานมูลนิธิกังเซนลามะเพื่อสันติภาพ ประเทศอิตาลี ซึ่งมาร่วมงานด้วยเป็นปีที่ ๑๖ และในปีนี้ท่านได้ชักชวนศิษยานุศิษย์จาก ๑๓ ประเทศ กว่า ๘๐ ท่านมาด้วย
ส่วนผู้มาร่วมงานชาวต่างชาติที่เป็นฆราวาสมีประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าท่านซึ่งในจำนวนนี้มีผู้แทนรัฐบาลจากดินแดนพุทธภูมิมาร่วมงานด้วย ได้แก่ ท่านศรีราชกุมาร์ บาโดเล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยุติธรรมทางสังคม รัฐมหาราษฎร์ประเทศอินเดีย และท่านจันกา บาฮาดู กูรุงอุปทูตเนปาลประจำประเทศไทย ทั้งนี้ท่านเค. พี. โอลิ นายกรัฐมนตรีประเทศเนปาล มอบหมายให้มารดาและครอบครัวของท่านเป็นตัวแทนมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย
การรวมตัวกันของคณะสงฆ์จากทุกนิกายและสาธุชนนานาชาติครั้งนี้ ตรงกับมโนปณิธานของพระเทพญาณมหามุนีที่ต้องการจะให้พุทธบริษัท ๔ เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว
ค่ำคืนแห่งมาฆปุรณมีบูชา
...พิธีจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลายในค่ำคืนนี้ ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) จุดไฟฤกษ์บูชาพระรัตนตรัย และนำสาธุชนร่วมปฏิบัติธรรม
ยามเมื่อผืนฟ้าเหนือแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์ทาบทาด้วยแสงทองขององค์พระบนมหาธรรมกายเจดีย์ พระเดชพระคุณพระเทพญาณ-มหามุนีได้กล่าวเชิญผู้แทนสาธุชนจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยและนำกล่าวคำบูชามาฆฤกษ์จากนั้นท่านได้จุดประทีปเทียนชัยส่งต่อให้หลวงพ่อทัตตชีโว เพื่อจุดต่อให้แก่คณะสงฆ์ และให้ผู้แทนอุบาสกจุดต่อไปยังผู้แทนเดินเวียนประทักษิณ โดยมีสาธุชนทั้งหลายร่วมส่งใจไปยังผู้แทนเดินเวียนประทักษิณเสมือนกำลังเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์
มาฆปุรณมีบูชาในค่ำคืนที่ดวงจันทร์กระจ่างฟ้าเป็นภาพปรากฏการณ์แห่งศรัทธาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทำให้ชาวโลกได้รับรู้ความสำคัญของพระพุทธศาสนาและรับรู้เจตจำนงอันบริสุทธิ์ของพุทธบริษัท ๔ ที่พร้อมจะพิทักษ์พระพุทธศาสนาด้วยชีวิตของตนจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาเลื่อมใสอันไม่มีประมาณนี้ จะทำให้ชีวิตของผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกประสบกับความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ดั่งความสว่างไสวจากโคมมาฆประทีปที่ดารดาษนับแสนดวงในค่ำคืนอัศจรรย์ของวันมาฆบูชา
โอวาทพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)
ในพิธีจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
วันนี้เป็นวันมาฆบูชา วันที่มีความสำคัญต่อตัวเราซึ่งเป็นชาวพุทธและชาวโลกทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่มีวันนี้ก็ยากที่การสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแผ่ขยายกว้างไกลไปได้ทั่วโลก ซึ่งเมื่อราว ๒,๖๐๐ กว่าปีก่อน มีการชุมนุมกันของพระอรหันต์ ๑,๒๕๐รูป ซึ่งท่านมาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายกันทางวาจา แต่ทว่ารู้กันด้วยญาณทัสนะของพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้ว อีกทั้งทุกรูปยังทรงอภิญญา มีตาทิพย์ หูทิพย์ เป็นต้น และล้วนเป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้ด้วยพระองค์เอง
วันนั้น พระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักธรรมแม่บทที่สำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อจะสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ เพื่อชาวโลกทั้งหลายจะได้มีความรู้ที่จะดำ เนินชีวิตได้ถูกต้อง ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตที่สมบูรณ์สมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ตามแบบอย่างของท่านผู้รู้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย หลักโอวาทปาฏิโมกข์นั้นประกอบไปด้วยอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เริ่มด้วยอุดมการณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา แปลว่าความอดทนเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง หมายถึงว่าผู้ที่จะไปทำหน้าที่ให้แสงสว่างต่อชาวโลกจะต้องมีความอดทนเป็นพื้นฐาน เริ่มตั้งแต่ความอดทนต่อความตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนาอดทนต่อการกระทบกระทั่ง และอดทนต่อกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ถ้าหากอดทนอดกลั้นต่อสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายไปสู่เป้าหมาย คือ อายตนนิพพานได้ เหตุที่ทรงสอนให้อดทนอย่างมีเป้าหมายเพื่อไปนิพพานนั้น เพราะทรงเห็นแจ้งว่า นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา ท่านผู้รู้ทั้งหลาย คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงเห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่เยี่ยมที่สุดคือพระนิพพาน พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ดังนั้นเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วทุกคนต้องทำพระนิพพานให้แจ้ง และระหว่างที่สร้างบารมีอยู่ก็อย่าไปก่อเวรหรือเบียดเบียนใคร ดังพระพุทธดำรัสที่ว่า นะ หิ ปัพพะชิโตปะรูปะฆาตี สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต คือ บรรพชิตผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนผู้อื่นไม่ชื่อว่าเป็นสมณะผู้สงบเลย เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
เมื่อทรงให้อุดมการณ์แล้ว ก็ทรงให้หลักการปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิตว่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง กุสะลัสสูปะสัมปะทา การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม สะจิตตะปะริโยทะปะนังการทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว เอตัง พุทธานะสาสะนัง นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือ ทรงสอนให้ละชั่วทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส เพื่อที่จะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยที่มีอยู่แล้วภายในตัวของทุก ๆ คน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้วล้วนมีพระธรรมกายอยู่ในตัวทั้งสิ้น พระพุทธองค์ทรงมุ่งเน้นให้ทุกคนแสวงหาตัวตนที่แท้จริงภายใน เพราะสิ่งนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกได้อย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
ต่อจากนั้นก็ทรงให้วิธีการในการเผยแผ่แนะนำ ถ่ายทอด เพื่อที่จะได้นำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีแก่ชาวโลก โดยทรงให้วิธีการตามหลักวิชาดังต่อไปนี้ คือ อะนูปะวาโท ไม่ให้เข้าไปว่าร้ายใคร อะนูปะฆาโต ไม่ให้ไปทำร้ายใครและไปขู่บังคับให้ใครเขามาเชื่อเรา แต่ต้องให้เขาเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามเหตุตามผลแล้วเกิดความศรัทธาเชื่อมั่นด้วยตัวเองปาฏิโมกเข จะ สังวะโร ให้สำรวมในศีลและมารยาท จะได้ไม่ไปกระทบกระทั่งกับใคร และยังก่อให้เกิดความน่าเคารพเลื่อมใสอีกด้วยมัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง ให้รู้จักประมาณในการบริโภคแต่พอดี ปันตัญจะ สะยะนาสะนังให้อยู่ในเสนาสนะ ที่นอน ที่นั่ง อันสงบสงัด ที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม และประการสุดท้าย อะธิจิตเต จะ อาโยโค การประกอบความเพียรในอธิจิต คือ หมั่นเจริญสมาธิภาวนา ทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ให้ใจละเอียดใสบริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เอตัง พุทธานะ สาสะนังนี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
บทโอวาทปาฏิโมกข์นี้มีความสำคัญมากไม่ว่าจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นกี่พระองค์แล้วก็ตาม ก็จะทรงสั่งสอนอย่างนี้ตรงกันหมด เหมือนเป็นเนติแบบแผนเดียวกันพุทธโอวาทที่กล่าวมาข้างต้นโดยสรุปนี้ เป็นสิ่งที่ตัวเราและชาวโลกจะต้องนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ เอื้อเฟื้อในพระธรรมเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุขทั้งต่อตัวเราเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคม ประเทศชาติ และโลกใบนี้โดยเฉพาะเราเป็นชาวพุทธจะต้องยึดหลักโอวาทปาฏิโมกข์นี้อย่างเคร่งครัด และปฏิบัติให้เหมาะสม จึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์ ถ้าหากชาวโลกทุกคนได้ศึกษาความรู้สากลนี้ และได้ปฏิบัติตามหลักโอวาทปาฏิโมกข์โลกก็จะเกิดสันติสุขที่แท้จริง มวลมนุษยชาติจะปรองดองกันเหมือนเป็นประดุจครอบครัวเดียวกัน จะมีความรักและปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริง จะรู้จักการให้อภัย เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่แบ่งปัน ความรักสากลที่มาพร้อมกับสันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นในโลก
ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันสำคัญของโลกถ้าหากไม่มีวันมาฆบูชา ชาวโลกก็จะไม่รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องสมบูรณ์ในการที่จะนำพาชีวิตไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงได้เลยเพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงต้องมาทบทวนโอวาทปาฏิโมกข์ และระลึกนึกถึงคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพเลื่อมใส และร่วมใจกันปฏิบัติบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อใจเราบริสุทธิ์ผ่องใส เราก็จะได้ร่วมกันจุดมาฆประทีปถวายเป็นพุทธบูชา รวมทั้งพระอรหันตสาวกทั้งหลายซึ่งการบูชาด้วยประทีปแสงสว่างนี้ จะทำให้เราได้รับอานิสงส์เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งมังสจักษุทิพยจักษุ ปัญญาจักษุ สมันตจักษุ และธัมมจักษุเราจะมีดวงตาแจ่มใส สวยงาม ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับดวงตา จะมีรัศมีกายที่สว่างไสว อีกทั้งมีดวงปัญญาที่สว่างไสว สามารถรู้ทั่วถึงธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายอีกด้วย