วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ Case Study : หัวหน้าชั้น

ฝันในฝัน
เรื่อง : หัวหน้าชั้น วินิช พันธุ์วิริยรัตน์ [email protected] คอลัมน์นี้เฉพาะนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาเท่านั้น

 

Case Study กรณีศึกษา
หัวหน้าชั้น

       กราบขอบพระคุณครูไม่ใหญ่ที่หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว ๑ ที แล้วนำมาเล่าเป็นนิยายปรัมปรา เป็นความรู้ติดขาติดแข้ง ไม่ถึงกับใส่บ่าแบกหาม ทำให้กระผมและนักเรียนอนุบาลฝันในฝันทั่วโลกเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ทำไมผมจึงมาเป็นหัวหน้าชั้น
 

        ๑. สำหรับสาเหตุที่ทำให้ลูกวินิชได้มารับบุญเป็นหัวหน้าชั้น เป็นเพราะคำอธิษฐานจิตและอุปนิสัยที่ตัวลูกได้สั่งสมความเป็นผู้นำมาข้ามภพข้ามชาติ มารวมกับผลแห่งบุญที่ตัวลูกเคยบวชเป็นพระ และเมื่อบวชแล้วก็ได้มาทำหน้าที่เทศน์สอนและถ่ายทอดธรรมะให้แก่มหาชนทั้งหลายมาหลาย ๆ ภพ หลาย ๆ ชาติเรื่องก็มีอยู่ว่า

     ย้อนไปในหลาย ๆ พุทธันดร ก่อน ๆ โน้น ลูกวินิชได้เกิดมาเป็นกุลบุตรสุดหล่อผู้มีหัวใจมุ่งมั่นอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลางเมื่อเติบใหญ่ขึ้น ตัวลูกก็มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นทหารรับใช้ชาติ และด้วยความใฝ่ฝันนี้เอง จึงทำให้ตัวลูกตัดสินใจสมัครเข้ารับราชการเป็นทหารของพระราชาองค์ที่เสด็จออกบวชในภพชาตินั้น ซึ่งเป็นคนละภพชาติกับพุทธันดรที่ผ่านมา
 

      ๒. เมื่อตัวลูกในภพชาตินั้นได้เข้ารับราชการเป็นทหารแล้ว ต่อมา ตัวลูกก็ได้เห็นนายทหารที่เป็นระดับหัวหน้านายกองกำลังจัดระบบฝึกระเบียบเหล่าทหาร อีกทั้งยังเป็นผู้จัดทัพเพื่อเตรียมซ้อมรบอีกด้วย

         ทันทีที่ตัวลูกเห็นเช่นนั้น ตัวลูกก็เกิดความประทับใจและใฝ่ฝันอยากจะเป็นนายทหารแบบนั้นบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวลูกจึงตั้งมโนปณิธานขึ้นภายในใจว่า สักวันหนึ่งตัวลูกจะต้องเป็นนายทหารที่อยู่ในระดับแนวหน้าหรือเป็นหัวหน้านายกองให้ได้
 

      ๓. หลังจากที่ตัวลูกได้ตั้งมโนปณิธานขึ้นมาเช่นนั้นแล้ว ตัวลูกก็ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อีกทั้งยังขวนขวายฝึกฝนพัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้

       แต่ทว่า เส้นทางที่จะก้าวขึ้นไปสู่การเป็นนายทหารระดับแนวหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย เพราะต้องอาศัยความเพียรพยายามและบากบั่น อีกทั้งยังต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานอย่างสม่ำเสมอแบบไม่ให้ขาดตกบกพร่องอีกด้วย
 

         ๔. แต่แล้วในที่สุด ตัวลูกก็สามารถทำได้ คือ ตัวลูกสามารถพิชิตใจผู้บังคับบัญชาและมีผลงานเข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่ จนได้รับความไว้วางใจและได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้านายทหารตามที่ตัวลูกตั้งใจเอาไว้

      ในเวลาต่อมา พระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งแคว้นที่ตัวลูกอาศัยอยู่ได้เสด็จออกบวชและด้วยความรักยิ่งในพระราชานี้เอง จึงทำให้ตัวลูกตั้งใจเดินทางไปฟังธรรมจากพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่เสด็จออกบวช)
 

        ๕. เมื่อตัวลูกเดินทางไปถึงวัดของพระเถระแล้ว ตัวลูกก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังทำหน้าที่นำธรรมะที่พระเถระแสดงไว้โดยย่อมาอธิบายขยายความให้สาธุชนที่มาใหม่ได้รู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต (พระภิกษุรูปนี้ได้รับมอบหมายจากพระเถระให้มาทำหน้าที่นี้ เพื่อสงวนเวลาให้พระเถระได้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่)

        เมื่อตัวลูกได้เห็นการทำหน้าที่ของพระภิกษุรูปนั้นแล้ว ก็เกิดความรู้สึกประทับใจและปรารถนาอยากที่จะทำหน้าที่อย่างนั้นบ้างและด้วยความรู้สึกประทับใจนี้เอง จึงทำให้นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตัวลูกก็ตั้งความปรารถนาและอธิษฐานจิตซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่เสมอว่า “ขอให้ได้ทำหน้าที่อธิบายขยายความธรรมะเหมือนอย่างพระภิกษุรูปนั้น”

 

        ๖. จวบจนกระทั่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปตัวลูกก็ตัดสินใจออกบวช แล้วก็ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง และขัดเกลาทิฐิมานะ (ที่ติดตัวมาจากตอนที่เป็นนายทหาร) อีกทั้งยังตั้งใจศึกษาธรรมะเพื่อเพิ่มพูนความรู้อยู่เสมอ ๆ อีกด้วยเมื่อตัวลูกได้ศึกษาธรรมะมากเข้า ๆ ตัวลูกก็ยิ่งเกิดความรู้ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่า “ในการที่จะไปทำหน้าที่อธิบายขยายความธรรมะให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งเหมือนพระภิกษุรูปที่เป็น Idol หรือต้นแบบของตัวลูกนั้น ตัวลูกจะต้องมีความเข้าใจในธรรมะเรื่องนั้น ๆ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเสียก่อน”
 

       ๗. เมื่อตัวลูกเกิดความรู้ความเข้าใจขึ้นมาเช่นนั้น ตัวลูกจึงเร่งขวนขวายศึกษาธรรมะอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อีกทั้งยังได้นำธรรมะที่ตั้งใจศึกษามาไปฝึกเทศน์สอนและแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟังอย่างเนืองนิตย์อีกด้วย

       ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ตัวลูกยังหมั่นอธิษฐานจิตตอกย้ำซ้ำเดิมในความปรารถนาที่ตัวลูกใฝ่ฝันที่จะเป็นให้ได้ดังพระภิกษุรูปนั้นอยู่เสมอ ๆ มาโดยตลอด

        เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ความปรารถนาและคำอธิษฐานจิตนี้กลายเป็นผังที่ติดตามตัวลูกนับตั้งแต่ภพชาตินั้นเป็นต้นมา
 

       ๘. ในภพชาติต่อ ๆ มา ตัวลูกก็ได้เกิดมาเจอและได้ร่วมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยตลอด ซึ่งในแต่ละภพชาติที่ตัวลูกได้เกิดมาเจอกับหมู่คณะนั้น ตัวลูกก็มีอุปนิสัยที่รักและปรารถนาอยากที่จะเป็นหัวหน้าติดตัวมาทุกภพทุกชาติ

        อีกทั้งตัวลูกยังชอบที่จะอธิษฐานจิตซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่เสมอว่า “ขอให้ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า และขอให้ได้รับความเมตตาจากพระเถระในการทำหน้าที่อธิบายขยายความและปูพื้นฐานธรรมะให้มหาชนทั้งหลายรู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต” ซึ่งตัวลูกก็มักจะอธิษฐานจิตอย่างนี้ แบบนี้เรื่อยมาจวบจนกระทั่งมาถึงพุทธันดรที่ผ่านมา

 

         ๙. พุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกก็ได้มาเกิดเป็นกุลบุตรสุดหล่ออยู่ในสังคมเกษตรกรรมบนเกาะแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกลจากแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมายังเป็นเด็กน้อยจวบจนกระทั่งเติบใหญ่เป็นหนุ่มหล่อ ตัวลูกก็มักจะได้ยินชื่อเสียงและกิตติศัพท์อันดีงามของพระราชา (องค์ที่จะเสด็จออกบวช) จากพวกชาวบ้านบนเกาะ ที่เล่าแบบปากต่อปากกันอยู่เสมอ ๆ

        เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้ตัวลูกเกิดแรงบันดาลใจอยากที่จะได้พบเห็น และอยากที่จะเป็นทหารของพระราชาองค์ที่จะเสด็จออกบวชอย่างสุด ๆ และด้วยความปรารถนาดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้ตัวลูกดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงแคว้นของพระราชา
 

        ๑๐. เมื่อตัวลูกดั้นด้นเดินทางมาจนถึงแคว้นของพระราชาแล้ว ตัวลูกก็ไม่รอช้าได้ทำความฝันที่ตั้งใจเอาไว้ให้เป็นจริง ด้วยการมาสมัครเป็นทหารของพระราชาในทันที

        เมื่อตัวลูกสมัครเป็นทหารแล้ว ก็ตั้งใจทุ่มเทฝึกฝนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จนสามารถผ่านทุก ๆ บทฝึกของวิชาทหารไปได้เป็นอย่างดี อีกทั้งตัวลูกยังเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในระดับที่หาตัวจับได้ยากอีกด้วยเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ในเวลาต่อมา ตัวลูกจึงได้รับมอบหมายจากส่วนกลางให้ไปทำหน้าที่เป็นหัวหน้านายทหาร ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการฝึกระเบียบเหล่าทหารในการออกรบ
 

         ๑๑. และด้วยผลแห่งบุญที่ตัวลูกเคยแสดงธรรมเอาไว้ในภพชาติก่อน ๆ ที่ผ่านมานี้เอง จึงส่งผลทำให้ไม่ว่าตัวลูกจะพูดหรือกล่าวอะไรออกไป เหล่าทหารหาญที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตัวลูกก็จะเชื่อฟัง ยินดี และเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของตัวลูกอยู่เสมอชนิดที่เรียกว่าสั่งซ้ายไปซ้าย สั่งขวาไปขวานั่นเอง
 

       ๑๒. ในเวลาต่อมา เมื่อพระราชาผู้เป็นที่รักยิ่งของมหาชนทั้งหลายเสด็จออกบวชแล้วตัวลูกก็เกิดความรู้สึกอยากจะออกบวชตามพระราชาเป็นอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวลูกจึงค่อย ๆ เคลียร์ภารกิจหน้าที่การงาน แล้วออกบวชตามพระราชาไปด้วย

        จนกระทั่งเมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปพระเถระ (อดีตพระราชาองค์ที่ออกบวช) ท่านเริ่มปลีกวิเวกมากขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เองพระเถระจึงประกาศเฟ้นหาพระอาจารย์สักรูปหนึ่ง ที่จะสามารถมาทำหน้าที่ถ่ายทอด เทศน์สอน อธิบายขยายความ และปูพื้นฐานธรรมะให้บรรดาสาธุชนผู้มาใหม่ได้รู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
 

       ๑๓. ทันทีที่ตัวลูกทราบความปรารถนาของพระเถระ ด้วยคำอธิษฐานจิตและอุปนิสัยที่ตัวลูกเคยสั่งสมความเป็นผู้นำมาหลายภพหลายชาติ จึงดลบันดาลให้ตัวลูกเกิดความรู้สึกที่สนใจและปรารถนาอยากที่จะมาทำหน้าที่ดังกล่าวนี้เป็นอย่างมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวลูกจึงไม่รอช้าได้ขันอาสาขอทำหน้าที่ดังกล่าวนี้กับพระเถระ ซึ่งพระเถระท่านก็ไม่ได้ให้ตัวลูกรับหน้าที่ดังกล่าวนี้แบบง่าย ๆ เลยทันที

        ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระเถระท่านมีบททดสอบพิสูจน์ใจ โดยการให้ตัวลูกไปศึกษาค้นคว้าธรรมะ จากนั้นก็ให้ไปแสดงธรรมแก่สาธุชนทั้งหลายอยู่เป็นประจำทุกวัน ๆ โดยไม่ได้บอกกำหนดเวลาว่า การแสดงธรรมของตัวลูกนี้จะสิ้นสุดลงวันไหนและเมื่อไร

 

      ๑๔. เมื่อตัวลูกลองไปทำหน้าที่ดังกล่าว คือ แสดงธรรมตามที่พระเถระมอบหมายเอาไว้บางวันก็มีสาธุชนมาฟังธรรมเป็นจำนวนมากบางวันก็มีสาธุชนมาฟังธรรมน้อย แต่ไม่ว่าแต่ละวันจะเป็นอย่างไร ตัวลูกก็คงยังทำหน้าที่นี้อย่างสม่ำเสมอแบบไม่ขาดตกบกพร่อง และไม่ท้อใจเลยแม้แต่น้อย

       จวบจนกระทั่งเมื่อวันเวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลาย ๆ ปี ความแน่วแน่ของตัวลูกก็เป็นที่ประจักษ์ พระเถระจึงเมตตาให้ความไว้วางใจและยินยอมให้ตัวลูกมารับหน้าที่นำธรรมะและเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตที่ได้การรับถ่ายทอดจากพระเถระมาแสดงให้สาธุชนได้รับฟังกันในที่สุด
 

       ๑๕. เมื่อตัวลูกได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญดังกล่าวจากพระเถระแล้ว ตัวลูกก็เกิดความรู้สึกปลื้มปีติและดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวลูกก็ได้ทำหน้าที่นี้ควบคู่ไปกับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย

       ในที่สุด ตัวลูกก็เข้าถึงพระธรรมกายภายในที่ชัด ใส สว่าง และเมื่อตัวลูกหมดอายุขัยลงไปแล้ว ตัวลูกก็ได้เดินทางกลับสู่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่างสมภาคภูมิแห่งนักรบกล้ากองทัพธรรม
 

       ๑๖. เมื่อมาถึงในภพชาติปัจจุบันนี้ ด้วยคำอธิษฐานจิตและอุปนิสัยที่ตัวลูกได้สั่งสมความเป็นผู้นำมาหลาย ๆ ภพหลาย ๆ ชาติเมื่อมารวมกับการที่ตัวลูกได้พิสูจน์ตนจนเป็นที่ไว้วางใจของพระเถระในพุทธันดรที่ผ่านมาจึงเป็นเหตุทำให้ในภพชาติปัจจุบันนี้ตัวลูกได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากคุณครูไม่ใหญ่ ให้มารับหน้าที่เป็น “หัวหน้าชั้นของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา” และด้วยบุญที่ตัวลูกเคยทำหน้าที่เทศน์สอนและถ่ายทอดธรรมะแก่มหาชนทั้งหลายมาหลายภพหลายชาติ จึงส่งผลทำให้ในภพชาติปัจจุบันนี้ตัวลูกจึงมีบุญพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการพูด คือในเวลาที่ตัวลูกพูดหรือกล่าวอะไรออกไปใคร ๆ ก็จะเชื่อถือ และมักจะทำตามอยู่เสมอ ๆ

       ก็จะเชื่อถือ และมักจะทำตามอยู่เสมอ ๆ จากเรื่องราว Case Study ที่เราได้ศึกษาเรียนรู้กันมานี้ สอนให้เราได้รู้ว่า ทุก ๆชีวิตล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นกฎสากลที่มวลมนุษยชาติทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องเจอทั้งสิ้น

        เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรมให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เพื่อที่เราจะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและดีงามด้วยความไม่ประมาท จะได้ปิดอบาย ไปสวรรค์ และมีความสุขในปัจจุบันอีกทั้งยังดับทุกข์ได้อีกด้วย ซึ่งความรู้นี้มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น

ดังนั้น เราจะต้องตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมี ประพฤติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น ทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาเป็นต้น ซึ่งถ้าหากเราทำได้เช่นนี้ ชีวิตการสร้างบารมีของเราจะอยู่รอดปลอดภัยและมีชัยชนะในเส้นทางการสร้างบารมีตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

 

 


บทสัมภาษณ์จากเจ้าของเคส
หัวหน้าชั้น : การเป็นหัวหน้าชั้นในปัจจุบันเกิดจากเหตุในอดีตหลายภพหลายชาติ เริ่มต้นจากเห็นพระภิกษุกำลังแสดงธรรมของพระเถระแล้วเกิดความประทับใจ (คล้าย ๆ กับการตั้งความปรารถนาของพระอรหันต์ พระอสีติมหาสาวก) อยากจะเป็นอย่างนี้ ตั้งความปรารถนาอธิษฐานซ้ำ ๆ ว่าจะออกบวชเป็นพระภิกษุ ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ ศึกษา ฝึกฝน อธิษฐานซ้ำ ๆ ว่ารักการเป็นหัวหน้า อธิษฐานซ้ำ ๆ ว่าขอให้ได้รับความเมตตาจากพระเถระ ผังนี้ติดตัวนับตั้งแต่บัดนั้น (ชาตินั้น) เป็นต้นมา ทำซ้ำ ๆ อย่างนี้ทุกภพชาติ แม้แต่พุทธันดรที่แล้วก็ขันอาสาพระเถระเทศน์สอน ซึ่งพระเถระก็ทดสอบพิสูจน์ใจโดยไม่กำหนดเวลา ทำทุกวันสม่ำเสมอ ไม่ท้อ ทำอยู่หลายปีจึงได้รับความไว้วางใจจากพระเถระในที่สุด

หัวหน้าชั้น : ผมต้องบอกว่าใช่เลย! เหตุในปัจจุบันรูปสมบัติและคุณสมบัติของผมมีไม่เพียงพอที่จะได้เป็นหัวหน้าชั้น โดยรูปสมบัติและคุณสมบัติของผมก็คือ เด็กที่เกิดในความเชื่อของอิสลาม เกิดบนเกาะที่ห่างไกลความเจริญในภาคใต้ เป็นคนใต้ที่พูดไม่ชัด พูดเสียงดัง ไม่ไพเราะ หูตึง (เกิดจากเล่นน้ำทะเลแล้วไม่มีความรู้ในการดูแลรักษาหู ทำให้แก้วหูทะลุทั้ง ๒ ข้าง) ฟันก็หักไปหลายซี่ สรุปว่า อุปกรณ์ในการพูดไม่เหมาะในการเป็นพิธีกร การศึกษาก่อนมาอยู่วัดจบทางด้านเกษตร ชีวิตอยู่กับพืช สัตว์ จอบ เสียม ใช้แรงงานเป็นหลัก (๕ ปี จบ ปวส.) คุณสมบัติเดียวที่มาเป็นเด็กวัดพระธรรมกายและทางวัดยอมรับก็คือ เป็นอดีตธรรมทายาท (รุ่น ๑๒ ปี พ.ศ. ๒๕๒๗) และเป้าหมายที่มาอยู่วัดพระธรรมกายก็คือ การบวชเป็นพระประจำในวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีกติกาว่า ถ้าจะบวชเป็นพระประจำ (ตลอดชีวิต) อยู่วัดพระธรรมกาย ต้องมาเป็นอุบาสกช่วยงานวัดตามแต่หมู่คณะให้ทำอย่างน้อย ๕ ปี หน่วยงานแรกก็คือ แก้วภูธร (เพราะเรามาจากต่างจังหวัดคือ จ.ตรัง) ทำอะไรไม่เป็นหรอกที่เรียนจบเกษตรมาไม่ได้ใช้เลย ทำงานโดยใช้แรงตามที่หัวหน้างานให้ทำ ต่อมาก็ได้เป็นผู้ประสานงานสาธุชนตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ ต่อมาได้เป็นหัวหน้ากองแก้วภูธร อยู่วัดได้ประมาณ ๕ ปี (พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๕) ก็ได้ไปนั่งธรรมะกับคุณครูไม่ใหญ่ที่ดอยสุเทพ เป็นพี่เลี้ยงดอกไม้บาน เป็นผู้นำกิจกรรมออกกำลังกาย เป็นพิธีกรสัมภาษณ์ ต่อมาอาสาเป็นพิธีกรรายการสู้ต่อไป เป็นพิธีกรถ่ายภาพประวัติศาสตร์ (ครั้งแรก คือ อัศจรรย์ตะวันแก้ว ๖ ก.ย. ๒๕๔๑) พิธีกร ชิตัง เม!

หัวหน้าชั้น : การเป็นพิธีกรหัวหน้าชั้นในโรงเรียนอนุบาลฯ ก็อาสามาทำ ตอนนั้นเป็นพี่เลี้ยงอยู่ที่พนาวัฒน์ วันที่คุณครูไม่ใหญ่ลงวันแรก คือ วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ก็ฟังเสียงทางสายโทรศัพท์อย่างที่คุณครูไม่ใหญ่บอก ท่านถนัดถามไปตอบมา เนื่องด้วยพิธีกรที่ทำหน้าที่ตอนนั้นยังไม่คุ้นเคยกับคุณครูไม่ใหญ่ สาธุชนที่มาฟังก็ไม่คุ้นเคยในการถาม-ตอบ บรรยากาศจึงเงียบ ๆ (ซึ่งเป็นบรรยากาศปกติในการฟังธรรมของชาววัดพระธรรมกาย คือ ตั้งใจฟัง ไม่คุยแข่งกับพระที่เทศน์สอน) ผมก็คิดในใจว่าถ้าเสร็จภารกิจจากรุ่นนี้ (วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕) จะลงไปช่วย เพราะคิดว่า คุณครูไม่ใหญ่คุ้นเคย และเราก็คุ้นเคยอัธยาศัยของท่าน เหตุเพราะได้นั่งธรรมะกับท่านที่ดอยสุเทพเป็นเวลา ๑๐ ปี และท่านก็เป็นประธานโครงการปฏิบัติธรรมพิเศษดอกไม้บานด้วย ก็คิดว่าลงมาช่วยสัก ๑ เดือน ให้พิธีกรที่วัดคุ้นเคยในการตอบคุณครูไม่ใหญ่ ผมเริ่มปฏิบัติหน้าที่ช่วยพิธีกรวันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ จนบัดนั้นถึงบัดนี้ ๑๔ ปี (ไม่ได้กลับไปสวนพนาวัฒน์อีกเลย) แรกเริ่มเดิมทีไม่มีคุณครูไม่ใหญ่ ไม่มีนักเรียนไม่มีหัวหน้าชั้น มีแต่หลวงพ่อ สาธุชน และพิธีกร พอหลวงพ่อท่านลงสอนได้สักพัก ท่านก็แทนตัวท่านว่า คุณครูไม่ใหญ่ (เพราะคุณครูใหญ่ คือ คุณยายอาจารย์ฯ) แล้วจึงมีนักเรียนอนุบาลฯ มีหัวหน้าชั้น มีรองหัวหน้าชั้น เป็นโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

หัวหน้าชั้น : จากวันแรกที่เข้ามาอยู่วัดจนถึงปัจจุบัน ๒๙ ปี ผมไม่เคยผ่านการฝึกอบรมการพูดของสถาบันใด ๆ เลย มีแต่เป้าหมายและมโนปณิธานที่จะสร้างบารมี ได้บุญอะไรมาก็ทำเลย มาถึงบางอ้อในฝันในฝันนี่แหละครับ เป็นสิ่งที่ผมสะสมมาข้ามชาติ ที่ภาษาพระเขาเรียกว่า “วาสนาแต่ปางก่อน” ดังนั้นขอให้มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน รับบุญจากหมู่คณะโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไข บุญก็จะจัดสรรให้อยู่ในตำแหน่งที่เคยทำ
 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ ๑๖๒ เดือนเมษายน ๒๕๕๙

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล