อานิสงส์แห่งบุญ
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ.๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
อานิสงส์ร่วมสร้างมหาพุทธเจดีย์
“คนไม่มีบุญจะมีศิลปะหรือไม่มีศิลปะก็ตาม จะสามารถรวบรวมทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมาก
แต่คนมีบุญเท่านั้นย่อมได้ใช้สอยทรัพย์เหล่านั้น
โภคทรัพย์สมบัติเป็นอันมากย่อมล่วงเลยผู้ไม่มีบุญ และเกิดขึ้นแก่ผู้ทำบุญไว้ในทุกสถาน
อนึ่ง โภคทรัพย์เป็นอันมากย่อมเกิดขึ้นในสถานที่ที่แม้มิใช่ที่เกิดแห่งทรัพย์ทั้งหลาย”
(สิริโจรชาดก)
บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่ปุถุชนจนถึงพระอริยเจ้าเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เราได้รูปสมบัติที่งดงามแข็งแรง มีอายุขัยยืนยาว เป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของมหาชนทั้งหลาย มีทรัพย์สมบัติมาก ทั้งแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา พวกพ้องบริวาร พรั่งพร้อมด้วยอุปกรณ์ในการสร้างบารมี มีคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ทุกอย่างสมบูรณ์ด้วยสมบัติทั้งที่เป็นของมนุษย์และของทิพย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรค ผล นิพพานสมบูรณ์หมดทุกประการ ดังนั้นบุญจึงเป็นแหล่งกำเนิดที่สามารถดลบันดาลให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ดวงบุญนั้นอยู่ที่ศูนย์กลางกายภายในของกายทุกกาย ซ้อน ๆ กันอยู่ภายใน เป็นผังสำเร็จที่ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติ
คนไม่มีบุญก็เหมือนผลไม้พันธุ์ไม่ดี ถึงแม้จะใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำบำรุงรักษาอย่างดีอย่างมากก็แค่ทำให้ผลดกขึ้นมาบ้าง แต่ที่จะทำให้มีรสโอชากว่าเดิมนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นคนมีบุญน้อยไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างหนัก และเสียเวลามาก อีกทั้งยังติด ๆ ขัด ๆ มีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้จะรวบรวมทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมากก็ไม่ได้ใช้ทรัพย์นั้น แต่คนมีบุญมากไม่ว่าจะทำกิจการงานใดก็จะสำเร็จลุล่วงได้โดยงาย จะไปอยู่ที่ไหนทรัพย์สมบัติก็บังเกิดขึ้นมารองรับ
เรื่องราวต่อไปนี้เกิดขึ้นในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องของกุมาริกาคนหนึ่งผู้เป็นธิดาในตระกูลที่มั่งคั่งสมัยนั้นหลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ชาวเมืองกำลังช่วยกันสร้างพระเจดีย์ทองที่มีความสูงราว ๑ โยชน์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กุมาริกาผู้นี้ได้ไปยังสถานที่ก่อสร้างพระเจดีย์พร้อมกับมารดา เมื่อเห็นชาวเมืองต่างพากันขยันขันแข็งในการก่อสร้างพระเจดีย์ จึงถามแม่ว่า “พวกชาวเมืองกำลังสร้างอะไรกันอยู่” แม่ของหนูน้อยตอบว่า “เขากำลังทำอิฐทองคำเพื่อก่อสร้าง
พระเจดีย์กันอยู่จ้ะลูก” หนูน้อยได้ฟังข่าวบุญอันเป็นมงคล ก็อยากมีส่วนร่วมในบุญใหญ่ครั้งนั้นด้วย จึงตัดสินใจถอดเครื่องประดับที่ติดตัวมา แล้วบอกกับแม่ว่า “แม่จ๋า หนูขอสละสร้อยคอเส้นนี้เพื่อร่วมสร้างพระเจดีย์ทองด้วย ขอแม่จงให้ช่างนำเครื่องประดับนี้ไปทำเป็นอิฐทองคำเพื่อสร้างพระเจดีย์ด้วยนะจ๊ะ”
แม่ของกุมาริกาฟังแล้วก็ปีติขนลุกชูชันพลางอนุโมทนากับลูกว่า “ดีแล้วลูก ลูกให้ไปเถิด” แล้วก็นำเครื่องประดับของลูกสาวส่งให้ช่างทอง เมื่อช่างทองรับเครื่องประดับไปแล้วก็อนุโมทนาในการทำบุญของหนูน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ทีเดียวที่เด็กหญิงตัวน้อย ๆ มีหัวใจกล้าหาญและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
ต่อมา กุมาริกาตามตรึกระลึกนึกถึงบุญใหญ่ในครั้งนั้นมาเรื่อย ๆ และสังสมบญอยู่เป็นประจำจนตลอดชีวิต เมื่อถึงวาระสุดท้ายภาพของการสร้างบุญใหญ่ คือ การสร้างพระเจดีย์ ก็มาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มใส เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้ว นางได้ไปบังเกิดในเทวโลก มีบริวารและวิมานอันใหญ่โตโอฬาร มีรัศมีกายสว่างไสวประดุจทองคำ ได้ท่องเที่ยวเสวยสุขอยู่ในเทวโลกเป็นเวลายาวนาน และท่องเที่ยวอยู่แต่ในสุคติภพอย่างเดียว จนมาถึงในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา นางได้มาเกิดที่ตำบลนาลกะในแคว้นมคธ หมู่ญาติตั้งชื่อให้นางว่า เสสวดีนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากบุคคลรอบข้างจนกระทั่งเติบโตเป็นสาว
วันหนึ่ง มารดาให้นางไปซื้อน้ำมันที่ตลาด วันนั้นพ่อค้าคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีได้ขุดสมบัติของบิดาที่ฝังไว้เป็นจำนวนมากเพื่อจะนำเงินทอง แก้วมณี และแก้วมุกดาเหล่านั้นมาใช้ แต่ด้วยวิบากกรรมมาบดบังทำให้ทรัพย์สมบัติที่ขุดขึ้นมากลายเป็นถ่านกระเบื้อง ก้อนหิน และก้อนกรวดจนหมดสิ้น
ถึงแม้เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ พ่อค้าก็ไม่ยอมละทิ้งทรัพย์สมบัติเหล่านั้น กลับขนไปกองไว้ที่ตลาด ด้วยความหวังว่า ถ้าหากผู้มีบุญมาพบเข้าก็คงจะเห็นเป็นเงินเป็นทองขึ้นมาแน่
และแล้วความหวังของพ่อค้าหนุ่มคนนั้นก็สัมฤทธิผล เมื่อนางเสสวดีไปที่ตลาดนางเดินเข้าไปหาพ่อค้าแล้วถามขึ้นว่า “ทำไมท่านจึงนำแก้วมณี แก้วมุกดา และเงินทองมากมายมากองไว้เช่นนี้เล่า สิ่งเหล่านี้ควรจะเก็บไว้ให้ดีในที่มิดชิดมิใช่หรือ” พ่อค้ารีบให้นางไปจับต้องสมบัติเหล่านั้นดู ในที่สุดถ่านกระเบื้อง ก้อนหิน และก้อนกรวด ก็กลายเป็นแก้วแหวนเงินทองเหมือนเดิม พ่อค้าหนุ่มรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของนาง จึงให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยา
เมื่อพ่อค้าอยู่ครองคู่กับนาง ก็ได้เห็นความประพฤติที่ดีงาม หาข้อตำหนิไม่ได้เลยจึงเปิดประตูเรือนคลัง แล้วถามว่า “น้องหญิงเจ้ามองเห็นอะไรในคลังนี้บ้าง” นางตอบว่า “ดิฉันมองเห็นเงิน ทองคำ และแก้วมณีจำนวนมากกองอยู่” พ่อค้าหนุ่มจึงเล่าให้นางฟังว่า “ที่ทรัพย์สมบัติเหล่านี้หายไปหมด เพราะบาปกรรมของพี่ แต่บัดนี้ทรัพย์สมบัติกลับมีขึ้นอีกด้วยบุญบารมีของน้อง นับแต่นี้ไปขอให้น้องจงจัดแจงดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดในบ้านเพียงผู้เดียว พี่จะใช้สอยเฉพาะส่วนที่น้องให้เท่านั้น”
นางได้ทำหน้าที่เป็นศรีภรรยา คอยดูแลทรัพย์สมบัติและดูแลกิจการภายในบ้านเป็นอย่างดี ต่อมา นางทราบข่าวการปรินิพพานของพระสารีบุตร จึงสั่งคนรับใช้ให้ถือผอบดอกไม้ทองคำและของหอม แล้วไปลาพ่อของสามี แต่พ่อสามีห้ามปรามนางด้วยความห่วงใยว่า “ลูกอย่าไปเลย เจ้ากำลังมีครรภ์แก่ ที่นั้นมีคนมากมาย เจ้าอาจถูกผู้คนเบียดเสียดหรือเหยียบเอาได้ แค่ส่งดอกไม้และของหอมไปก็พอแล้ว”
นางผู้มีกำลังศรัทธาแรงกล้าคิดว่า “ถึงแม้ว่าจะต้องตายในสถานที่นั้นจริง ๆ เราก็จะไปสักการบูชาสรีระของพระธรรมเสนาบดีให้ได้” จึงออกเดินทางไปพร้อมกับหญิงรับใช้
ขณะที่นางยืนประนมมือบูชาสรีระของพระสารีบุตรด้วยของหอมและดอกไม้ เป็นต้นบังเอิญมีช้างเชือกหนึ่งของพวกข้าราชบริพารที่พากันมาบูชาพระธรรมเสนาบดี เกิดอาการตื่นคนวิ่งมาทางนั้นพอดี ผู้คนต่างตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พากันวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดส่วนนางเสสวดีซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์เกิดพลาดล้มลง ฝูงชนที่กำลังแตกตื่นพากันเหยียบนางจนตายตรงนั้นเลย
ด้วยอานิสงส์ที่นางทำการบูชาสักการะด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระธรรมเสนาบดี ครั้นละโลกแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีเหล่าเทพนารีแวดล้อมมากมาย วิมานของนางงดงามด้วยแก้วผลึก มีข่ายเงิน ข่ายทองคำ มีพื้นวิจิตรด้วยรัตนะสีต่าง ๆ มีซุ้มประตูเป็นแก้ว ๗ ประการ ที่ลานวิมานเรียงรายไปด้วยทรายทองงดงามส่องสว่างไปทั่วทั้ง ๑๐ ทิศ เหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างในท่ามกลางท้องฟ้า วิมานของเธอส่องแสงเหมือนกับแสงแห่งเปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่บนยอดเขาในเวลากลางคืน
เราจะเห็นว่า การบูชาบุคคลผู้ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด มีผลานิสงส์มาก และยังเป็นการยกใจของตนให้สูงส่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถยกใจผู้อื่นให้สูงขึ้นได้อีกด้วย การบูชาบุคคลผู้ควรบูชานอกจากจะเป็นการแสดงความเคารพในคุณธรรมความดีของท่านผู้หมดกิเลสเหล่านั้นแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เราเกิดกำลังใจในการทำความดียิ่ง ๆ ขึ้นไปและเป็นเครื่องนำพาตนให้ไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต คือ การได้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปสู่อายตนนิพพาน