อานุภาพ “สัมมาอะระหัง”
เรื่อง : พระบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช
ภาวนา “สัมมาอะระหัง”
สร้างปาฏิหาริย์ให้ชีวิต
สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ คือ การทำใจของตนเองให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ เพราะหากใจใส สิ่งดี ๆ ก็จะหลั่งไหลเข้ามา สิ่งที่ไม่ดีก็จะถูกผลักดันออกไป เหมือนกับร่างกายหากไม่ชำระล้างคราบไคลด้วยการอาบน้ำ สิ่งสกปรกที่หมักหมมก็จะนำมาซึ่งโรคภัยต่าง ๆหากร่างกายสะอาดก็จะรู้สึกสดชื่น มีพลัง ใจของเราก็เช่นกัน หากใจไม่สะอาด ถูกห่อหุ้มด้วยมลทินของใจ คือ กิเลสนานาประการความเศร้าหมองที่เอิบอาบหมักดองใจก็จะดึงดูดสิ่งเลวร้าย ทั้งวิบัติบาปศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็จะได้ช่องเข้ามาส่งผล
ดังนั้น เราจึงต้องหมั่นทำใจของเราให้ผ่องใสด้วยการหมั่นภาวนา “สัมมาอะระหัง”อยู่เสมอ เพื่อเป็นการเปิดทางแห่งความโชคดีและปิดประตูแห่งความโชคร้ายอย่างดีเยี่ยมที่สุด ดังเรื่องราวตัวอย่างต่อไปนี้...
“สัมมาอะระหัง” จงรวย
คุณณัฐสรัลพร วงษ์ศิริปภังกร (ภรรยา)
ตอนแรกพระลูกชายมาบวชที่วัดพระธรรมกาย ท่านบอกให้โยมพ่อโยมแม่ภาวนา “สัมมาอะระหัง” เราก็บอกพระลูกชายว่า “จะให้นั่งภาวนาได้อย่างไร ต้องทำงาน” ท่านบอกว่า “ภาวนาไปเลย” เราเป็นคนไม่เชื่อ เลยถามสามีว่า “ปาฏิหาริย์จะมีจริงหรือ” เขาบอกว่า “จริงหรือไม่จริงก็ต้องลอง” เราก็เลยตัดสินใจลองภาวนา
เราเปิดบริษัทอยู่ ๔ ปี ตอนทำบริษัทครั้งแรกโดนโกงเงินไป ๖๐,๐๐๐ บาท เสียใจมากทำไมชีวิตจึงเป็นอย่างนี้ เราเลยตั้งจิตอธิษฐานกับหลวงปู่ว่า “ใครที่เป็นหนี้หนูให้เอาเงินมาคืนหนูให้หมดเลย” วันหนึ่งเราไม่มีเงินเลยมีคนโทรศัพท์เข้ามาว่า “เจ๊แก้ว ขอเลขบัญชีหน่อย” เราถามว่า “คุณเป็นใคร” เขาตอบว่า “คุณจำผมไม่ได้หรือ ที่ผมมาทำงานครั้งแรกแล้วผมหายไปเลยกับเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท” เราเลยให้เลขบัญชีไป เขาก็โอนเงินมา เราก็เอาเงินมาซื้อของทำกับข้าวเลี้ยงคนท่าโขลงที่มาปฏิบัติธรรม
ต่อมา สามีพบเหตุอัศจรรย์จากการภาวนา “สัมมาอะระหัง” เขาเป็นคนต่อไฟใส่ที่ตัดเหล็ก บังเอิญเขาไปจับสายไฟที่ฉนวนหุ้มขาด ปรากฏว่า เหมือนมีคนผลักเขาออกมารอดตายไป ๑ ครั้ง
ครั้งที่ ๒ เราไปสระแก้วช่วงเทศกาลรถติดมาก มีรถคันหนึ่งข้างหน้าเบรกฉุกเฉินสามีเราขับตามมารีบเบรกดังเอี๊ยด คนข้างหลังบอกว่า “ครอบครัวนี้ตายแน่” เราบอกว่า “ไม่ตายเรามีหลวงปู่ และเราก็ภาวนา ‘สัมมาอะระหัง’อยู่” เราจึงรอดปลอดภัย
จากที่สามีเราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้เลย เขาบอกว่า “เจอกับตัวแล้วต้องเชื่อ” เราผ่านเรื่องเลวร้ายทุกอย่างมาได้ก็เพราะภาวนา“สัมมาอะระหัง”
คุณนันทพันธ์ วงษ์ศิริปภังกร (สามี)
ผมเป็นคนที่ชอบตกปลามาก ทุกวันอาทิตย์จะต้องไปตกปลา อยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็ว ๆ จะได้ไปตกปลา พอได้มาเข้าวัด ได้ภาวนา “สัมมาอะระหัง” เวลาไปตกปลา ปากก็บวมขึ้นมาเท่าปลายนิ้วก้อย เช้าบวม เย็นหายผมก็เลยคิดว่าจะเลิกตกปลา ขายเบ็ดเลย
พอภาวนา “สัมมาอะระหัง” แล้ว ก็มีหลาย ๆ อย่างที่อัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ผมจับสายไฟ แต่ไฟไม่ดูดผมเลยความที่ผมประมาทลืมเอาคัตเอาต์ลง ฉนวนหุ้มสายไฟมันขาด ผมหยิบมาม้วนให้มันกลมเพื่อให้เข้าล็อก แต่ไฟไม่ดูด ผมก็งงเหมือนกัน
เมื่อก่อนผมนึกอยากจะด่าลูกน้องก็ด่าหมด แม้ไม่ถึงกับหยาบ แต่ค่อนข้างแรง บางทีเขารับไม่ค่อยได้ แต่ช่วงหลังนี้ใจเย็น พอผมอยากจะด่าก็คิดก่อน พอคิดก็หยุดเลย บอกเขาว่า “ไม่เป็นไร ค่อย ๆ ทำ ค่อย ๆ ดูแบบให้ดีไม่ต้องรีบ เพราะถ้าพลาดแล้วจะเสียเวลาเยอะ”เปลี่ยนเป็นสอนแบบนี้มากกว่าครับ
อัศจรรย์ รวยทั้งทีม
คุณปาณิสรา แซ่ลิ้ม
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เศรษฐกิจไม่ดี ขายของได้วันละสองสามพันบาทก็ทนขาย เพราะว่ามีกางเกงอยู่ในสต็อกเป็นหมื่น ๆ ตัวเลย
พอไปปฏิบัติธรรมที่เขาใหญ่เจอหลวงพี่ปรเมษฐ์ ท่านสอนให้ภาวนา “สัมมาอะระหัง”สามีภาวนาด้วย พอตั้งใจภาวนาอย่างต่อเนื่องอยู่ดี ๆ ก็มีออร์เดอร์จากลูกค้าเข้ามา ๑๐๐ ตัวจากรายได้วันละสองถึงสามพันบาท ก็ได้เป็นหมื่นบาทเลย
ภาวนาไปได้ประมาณ ๒ อาทิตย์ มีคนมาเหมาสต็อกค่ะ จากตอนแรกคุยกันราคาตัวละ ๓๐ บาท คุยกับสามีเรามา ๕ ครั้งแล้วเขาต่อราคา ๑๕ บาท เราให้ไม่ได้ เราก็เลยไปคุยกับลูกค้าเอง สรุปได้ราคา ๓๐ บาท ลูกค้าบอกอยากซื้อกับเรามาก เขาเหมาหมดเลยเกือบหมื่นตัว นับของจ่ายเงินเลย เราสบายเลยค่ะ ธรรมดาเป็นหมื่นตัวแบบนี้เราต้องจ้างเด็กนับ จ้างลูกจ้างขนของ อันนี้เขาเรียกคนมาช่วยนับ มาช่วยขนของด้วยค่ะ เราบอกว่า “ซื้อไปเถิด หนูสวดมนต์ตลอด เอาไปก็ขายดีขายหมด ได้กำไร”
หลังจากนั้น ๒ อาทิตย์ เขามาหาอีก เราก็สงสัยว่ามาหาเรื่องอะไร เขาบอกว่า “เอาไปแล้วขายดี อยากจะเอาของอีก มีอีกไหม” แต่เราไม่มีของแล้ว
พอของหมดสต็อกก็มีคนมาขอเช่าร้านเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท เราคิดดูแล้วไม่เอาดีกว่า ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ตัดสินใจจะเซ้งร้านประมาณ ๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท วันรุ่งขึ้นมีคนมาเซ้งแบบง่าย ๆ เลย เศรษฐกิจแบบนี้ยากมากที่เขาจะจ่ายเงินสด โอนชื่อปุ๊บจ่ายเงินสดเลยค่ะ มีคนถามว่า “มีคนมาเซ้งร้านด้วยหรือ เขาเอาไปได้อย่างไร ตลาดมันเงียบ” ก็เลยถามไปว่า “รู้ไหมว่าได้เท่าไร” เขาตอบว่า “ได้สองสามแสนหรือ” เราบอกว่า “ได้ตั้งล้านหก”
ตอนหลังพอคนอื่นเขาเห็นเราภาวนา “สัมมาอะระหัง” แล้วดีขึ้น ก็อยากภาวนาบ้างจะได้ขายของดีเหมือนเรา แล้วก็ดีขึ้นทุกคนจริง ๆ คนที่เคยแย่ ๆ มานั่งร้องไห้บ่นว่า “หนูขายของไม่ดีเลย” พอได้ภาวนา “สัมมาอะระหัง”ดีขึ้นทุกคน ปลื้มกันทุกคนเลย จากที่ค่าเช่าเดือนละแสนกว่า วันหนึ่งขายได้ไม่ถึงหมื่น ขายได้สี่ห้าพันบาท พอภาวนาวันแรก วันรุ่งขึ้นได้ออร์เดอร์สองหมื่นเลย คนนี้เป็นเพื่อนกัน และอีกคนหนึ่งแย่มาก ไม่มีค่าเทอมลูก จึงภาวนา“สัมมาอะระหัง” อยู่ดี ๆ ก็ไปขายของทางไลน์วันหนึ่งได้กำไรเยอะมาก เจอปาฏิหาริย์กันทั้งนั้นเลย
พี่สาวเราขายอาหาร วันหนึ่งขายของไม่ดีข้าวเหลือเป็นหม้อเลยค่ะ เขาก็เลยภาวนา “สัมมาอะระหัง” แล้วอธิษฐานกับหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ช่วยลูกหน่อยเถิด ขอให้ลูกได้โต๊ะใหญ่สักหนึ่งโต๊ะ” ไม่ถึง ๕ นาทีเลยค่ะ มีรถตู้เลี้ยวเข้ามาที่ร้าน ๓ คันเลยค่ะ เขาบอกว่าขอได้แบบทันใจเลย เขาปลื้มมาก
น้องสาวทำงานอยู่กองทุนที่ขายเกี่ยวกับหุ้น ช่วงนี้ลูกค้าเงียบมาก มาบ่นให้เราฟัง เลยบอกเขาว่า “ไป ‘สัมมาอะระหัง’ นะ” พอเขาภาวนาได้ไม่ถึงอาทิตย์ เขาไลน์มาบอกว่า ทุกทีมีลูกค้าซื้อกองทุนหลักหมื่นก็ดีใจแล้ว อยู่ดี ๆ มีลูกค้าซื้อ ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท และอีกเจ้า ๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท เขา “สัมมาอะระหัง”ยังไม่ถึงอาทิตย์เลย เขาดีใจมาก ตั้งแต่นั้นเขาก็ภาวนา “สัมมาอะระหัง” ตลอด
การภาวนา ‘สัมมาอะระหัง’
ช่างสร้างปาฏิหาริย์แก่ชีวิตได้อัศจรรย์เหลือเกิน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการที่ภาวนาแล้วใจเป็นกุศล ผูกพันอยู่กับ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อใจผ่องใสเต็มส่วนเข้า
สิ่งดี ๆ จึงหลั่งไหลเข้ามาสู่ชีวิตราวกับเป็นเรื่องอัศจรรย์
จากเรื่องราวตัวอย่างข้างต้นนี้ เราจะเห็นได้ว่า การภาวนา “สัมมาอะระหัง” ช่างสร้างปาฏิหาริย์แก่ชีวิตได้อัศจรรย์เหลือเกิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลมาจากการที่ภาวนาแล้วใจเป็นกุศล ผูกพันอยู่กับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อใจผ่องใสเต็มส่วนเข้า สิ่งดี ๆ จึงหลั่งไหลเข้ามาสู่ชีวิตราวกับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ดังนั้นหากผู้ใดหวังปาฏิหาริย์ หวังความอัศจรรย์ให้เกิดกับชีวิตบ้าง พึงหมั่นภาวนา “สัมมาอะระหัง” เนืองนิตย์ และนำจิตไปหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อประกอบเหตุดี ผลก็ต้องดีอย่างแน่นอน