หลวงพ่อตอบปัญหา
เรื่อง : หลวงพ่อทัตตชีโว
ฤกษ์ดีพึ่งได้จริงหรือ?
Answer คำตอบ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้แล้วว่าทำความดีเมื่อไรก็ฤกษ์ดีเมื่อนั้น ผู้ที่ทำความดีนั้น ทำความดีเวลาใดก็จะเป็นคนดีเมื่อนั้น เป็นพระทำความดีเมื่อใด พระรูปนั้นก็เป็นพระดีเมื่อนั้น
การที่พระจะดีหรือคนจะดีอยู่ที่การตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ยิ่งกว่านั้น สิ่งใดที่ผู้มีศีลมีธรรมท่านเคยหยิบ ท่านเคยใช้ ก็จะพลอยถูกกลั่นให้เป็นสิ่งที่มีมงคลไปด้วย กุฏิใดที่พระผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านอาศัย กุฏินั้นก็พลอยถูกกลั่นให้บริสุทธิ์ผุดผ่องไปด้วยบุญของท่านเจ้าของกุฏิ เพราะฉะนั้นใครไปอาศัยอยู่ที่กุฏินั้น ก็พลอยเป็นสุขสบาย มีกำลังอกกำลังใจที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมตามหลวงพ่อ หลวงปู่องค์ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมในกุฏินั้นมาก่อน
ตั้งแต่โบราณมาก็พบอย่างนี้ ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เกิดโรคระบาดขึ้นที่เมืองเวสาลี ทำอย่างไรก็แก้ไม่ตก เพราะระบาดกันทั้งเมืองกษัตริย์แคว้นลิจฉวี เจ้าเมืองเวสาลี ก็เสด็จ มาอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสด็จไปที่เมืองเวสาลี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จไปพร้อมกับพระสงฆ์หมู่ใหญ่ และพระอานนท์พุทธอนุชาก็ตามเสด็จไปด้วย
ในครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้พระอานนท์เรียนรัตนสูตร และใช้บาตรของพระองค์ตักน้ำมนต์ด้วยการสวดรัตนสูตร แล้วรับสั่งให้พระอานนท์นำไปประพรมทั่วเมืองเวสาลี ปรากฏว่าโรคภัยไข้เจ็บก็หายเป็นปลิดทิ้งในวันนั้นทันที
นี้คือความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้เจริญพระพุทธมนต์กัน นักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันชาวญี่ปุ่นชื่อดร.มาซารุ เอะโมโตะ (Dr.Masaru Emoto)ปริญญาเอกสาขา Medicine Treatment
Science ผู้ศึกษาเรื่องน้ำได้เอากล้องมาส่องดูโมเลกุลของน้ำจากที่ต่าง ๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าโมเลกุลของน้ำจะจัดเรียงเป็นอย่างไรน้ำที่อยู่ตามยอดเขาสูง ทะเลสาบน้ำจืดน้ำ บริเวณที่ชาวบ้านสวดมนต์ น้ำที่พระนำไปสวดมนต์ พูดง่าย ๆ น้ำมนต์ที่พระทำน้ำมนต์ที่ญาติโยมทำ เพราะบางประเทศเขาไม่มีพระเขาก็เอาบทสวดมาจากพระไตรปิฎก แล้วมาช่วยกันสวดทำน้ำมนต์
เขาได้เอาโมเลกุลของน้ำในที่ต่างๆไปตรวจดู รวมทั้งน้ำจากที่ที่มีเสียงตะโกนด่ากันบ้างน้ำจากที่ที่มีเสียงดนตรีบ้าง ดนตรีก็มีดนตรช้า และดนตรีเรว็ สารพัด ปรากฏว่า มีการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลของน้ำเหล่านั้นจริงๆและถ่ายภาพออกมาก็ได้อีกด้วย
ภาพที่ได้ออกมาพบว่า โมเลกุลของน้ำที่ผ่านการเจริญพระพุทธมนต์ เป็นโมเลกุลที่เรียงตัวเรียบร้อยโมเลกุลแต่ละโมเลกุลก็งามแล้วก็เรียงตัวกันสวยงามเป็นพิเศษ ทำให้ได้ข้อคิดว่า อำนาจของการสวดพุทธมนต์มีผลถึงโมเลกุลของน้ำได้อีกด้วย
ถ้าจะถามว่าทำไม ก็ขอตอบว่า เมื่อสวดมนต์ด้วยความตั้งใจ สวดไปๆ ใจของผู้ที่สวดก็เป็นสมาธิ ยิ่งมีสมาธิเท่าไรใจก็ผ่องใสและบริสุทธิ์มากขึ้นมาเท่านั้น เมื่อใจผ่องใสบริสุทธิ์ขึ้นมาเท่าไร ก็มีพลังมากขึ้นเท่านั้น และ
พลังนั้นถึงกับสามารถไปจัดเรียงโมเลกุลของน้ำที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้
ตรงกันข้ามก็พบอีกว่า ที่ไปตะโกนด่ากันอยู่นั่น ปรากฏว่าเมื่อเอาโมเลกุลของน้ำที่ตั้งเอาไว้ย่านนั้นไปส่องดู โมเลกุลนี้มันขยุกขยิกดูไม่ได้เลยก็แล้วกัน นี้ก็ได้ข้อคิดว่า บาปในใจของคนก็สามารถทำให้โมเลกุลของน้ำวิปริตผิดเพี้ยนไปได้
ตรงนี้นี่เอง ก็เลยได้เป็นข้อคิดมาฝากผู้อ่านว่า ทำไมปู่ย่าตาทวดแต่โบราณมาท่านจึงสั่งนักสั่งหนา ว่าก่อนนอนขอให้ลูกหลานสวดมนต์กันบทยาว ๆ สักหน่อย จะเป็นบทอิติปิโสฯ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณก็ได้ เลือกบทยาวๆหน่อย เพื่อให้ใจเป็นสมาธิ หลังจากนั้นก็แผ่เมตตาด้วย แล้วจะเป็นมงคลแก่ตัวเอง ปู่ย่าตาทวดท่านบอกมาอย่างนี้ สวดมนต์ก่อนนอนสำคัญนะ ยิ่งสวดบทธรรมจักร (ธัมมจักกัปปวัตนสูตร) ยิ่งเป็นมงคลแก่ผู้สวด และยังเป็นมงคลแก่ผู้ฟัง เป็นมงคลแม้กระทั่ง (ท่านใช้คำว่า) เป็นมงคล แม้กระทั่งผีบ้านผีเรือน เป็นมงคลแม้แก่เทวดาที่ลงรักษาบ้านนั้น เทวดา นางฟ้า จะพากันมาดูแลรักษาบ้านนั้นด้วย นี้คือสิ่งที่ปู่ย่าตาทวดสั่งต่อ ๆ กันมา
ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่หลวงพ่อได้เห็นได้รู้มาตั้งแต่เล็กก็คือ ก่อนนอน ปู่ย่าตาทวดถึงกับทำน้ำมนต์ ตั้งขันน้ำมนต์ไว้หน้าโต๊ะหมู่บูชาแล้วก็สวดมนต์อย่างที่ว่านี้ บางทีก็แบ่งเป็น๒ ขัน ขันหนึ่งลอยดอกมะลิ ขันหนึ่งไม่ได้ลอย
ก็เคยถามว่าทำไมอย่างนั้น ท่านก็ตอบมาดีเหมือนกัน ท่านบอกว่า น้ำมนต์นี้เป็นมงคล ที่ลอยดอกมะลินี้จะเอาไปใส่หม้อหุงข้าว แต่ไม่ใช่ใส่ตอนแรกนะ เขาพรมตอนหุงเสร็จ ตอนจะดงข้าว เดี๋ยวนี้คงไม่ค่อยจะรู้จักเสียแล้ว เพราะใช้หม้อไฟฟ้า
เมื่อก่อนนี้เขาดงข้าวกัน เวลาหุงข้าวเขาหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ พอข้าวใกล้จะสุกก็รินน้ำออก เขาเรียกการที่รินน้ำออกว่าเช็ดน้ำ พอเช็ดเสร็จเขาก็จะพรมด้วยน้ำดอกมะลินี่แหละและเพื่อให้มันหอมเข้ม ๆ เขาก็เลยใช้ขันเล็ก
หน่อย บางทีเป็นจอกเล็ก ๆ ลอยดอกมะลิไว้เอาไปใช้พรมเวลาข้าวใกล้ ๆ จะสุก พอถึงเวลาเปิดหม้อจะตักบาตร จะรับประทานก็ได้กลิ่นข้าวหอมฉุยเลยก็แล้วกัน
อีกส่วนหนึ่งนั้นเขาใส่ขันใหญ่ไว้ เอาไว้ให้คนทั้งครอบครัวใช้ล้างหน้า หลวงพ่อเห็นเขาทำอย่างนี้กันมาตั้งแต่เด็กๆ ทีแรกก็คิดว่าเขาทำเอาขลังกันอย่างนั้น แต่เมื่อมาเห็นงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นท่านนี้ จึงได้รู้ว่าการที่นั่งสมาธิ การสวดมนต์ มีส่วนทำให้ใจของคนเราบริสุทธิ์ขึ้น แล้วก็มีพลังขึ้น พลังนี้ถึงกับสามารถจัดโมเลกุลของน้ำได้
เมื่อทำอย่างนี้แล้วจะดีอย่างไร ตรงนี้เองจึงเป็นที่มาว่าก่อนนอนนอกจากสวดมนต์แล้วแผ่เมตตาแล้วทำน้ำมนต์แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราไม่รู้ก็คือ สิ่งที่ทำนี้กลายเป็นการเสกโมเลกุลของน้ำทุกหยดหยาดในร่างกายของเรา ซึ่งแน่นอนอยู่ในลักษณะของเลือดบ้างน้ำเหลืองบ้างให้เป็นระเบียบ เป็นการจัดระเบียบโมเลกุลของน้ำทุกหยดทุกหยาดในร่างกายของเรา ซึ่งเท่ากับสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ตัวของผู้นั้นโดยอัตโนมัติ
เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่ค่อยจะได้สวดมนต์ ไม่ค่อยได้่นั่งสมาธิ หรือนั่งเหมือนกันแต่นั่งแบบแก้บน คือนั่งแค่นาทีสองนาทีไม่พอนะ ถ้าจะนั่งสมาธิให้ดีอย่างน้อยควรจะ ๑๕ นาที หรือครึ่งชั่วโมงขึ้นไป แล้วนั่นจะกลายเป็น
การเสกตัวเองให้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา คือจัดโมเลกุลของน้ำในร่างกายให้มันเรียบร้อยขึ้นมา
จากน้ำที่จัดโมเลกุลแล้ว ก็เป็นน้ำที่มีพลัง เป็นน้ำที่มีฤทธิ์เป็นยารักษาไข้ รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ตัวเองได้โดยปริยาย นี้คือที่มาว่ายิ่งเจ็บไข้ได้ป่วย ยิ่งต้องทำสมาธิให้เยอะ เพราะนั้นคือการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยพุทธมนต์ด้วยสมาธิของตัวเอง
เพราะฉะนั้นขยันนั่งสมาธิกันนะ เพราะเป็นวิธีเสกตัวเอง ทำให้ตัวเองมีความศักดิ์สิทธิ์มีพลังที่จะส่งเสริมให้มีจิตใจที่จะทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไปด้วยตัวของตัวเอง นี้คือ “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” ตัวจริง เสกตัวเองไว้เป็นที่พึ่งของตัวเองอยู่ตรงนี้นะ
เมื่อใจอยู่ในตัว ใจก็จรดอยู่กับธรรม เมื่อใจจรดอยู่กับธรรม ก็เหมือนกับขั้วบวกเจอขั้วลบ ถ้าขั้วบวกเจอขั้วลบ วงจรไฟฟ้าครบวงจรเมื่อไรไฟฟ้าก็แล่นปราดเลย พอใจจรดกับธรรมเท่านั้นบุญก็เกิด พอบุญเกิดก็เลยได้บุญ บุญนั้นจะไปหล่อเลี้ยงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราปรารถนา ถ้าทำไร่ไถนาไป “สัมมาอะระหัง” ไป บุญก็เกิดขึ้นในใจ และอำนาจบุญก็หล่อเลี้ยงคุ้มครองนาทั้งผืนนั้น หรือถ้าเป็นแม่บ้าน แม่ครัว ทำกับข้าวกับปลาไป หุงข้าวต้มแกงไป ก็ “สัมมาอะระหัง”ไป บุญก็เกิดขึ้นในใจของแม่บ้าน แม่ครัวข้าวปลาอาหารที่หุงอยู่นั้นก็มีคุณค่า ทั้งเป็น
ยาและเป็นอาหารทิพย์ไปด้วยในตัว นอกจากได้ข้าวปลาอาหารดี ๆ แล้ว ก็ขอให้ได้เข้าถึงพระธรรมกายในตัวโดยง่ายด้วยนะ
ในบ้านในครอบครัวของเรา เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองรู้คุณค่าการทำความดีอย่างนี้แล้ว รักจะมอบมรดกที่ดีมีคุณค่า ก็ให้ตามลูกตามหลานมาไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ และแผ่เมตตาก่อนนอนทุกคืน ก็จะกลายเป็นว่าได้เสกลูกหลานทั้งวงศ์ตระกูลให้เป็นลูกแก้วหลานแก้วต่อไปไม่รู้จบ