ทบทวนบุญ
เรื่อง : พระมหาศุภณัฐ จนฺทชโย ป.ธ.๙
หยัดสู้คู่พุทธบุตรภาคใต้
ถวายสังฆทาน ๓๒๓ วัด
อ.บางกล่ำ จ.สงขลา
เพชรนิลจินดาไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ ณ แห่งหนตำบลใดหรือยุคสมัยไหน ก็ย่อมมีคุณค่าและแสงสีในตนเองเป็นปกติอยู่เสมอ มิอาจมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาปนเปื้อนทำให้อัญมณีเหล่านั้นหม่นแสงลงไปได้ แม้นว่าในบางครั้งบางครา กงล้อแห่งโชคชะตาอาจจะชักพาให้ไปเกิดอยู่ในโคลนตมหล่มเลนบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งปฏิกูลเหล่านั้นก็เคลือบทาได้เพียงพื้นผิวชั้นนอกของอัญมณีเท่านั้น ไม่สามารถจะซึมซาบหรือปรับเปลี่ยนอัญมณีเหล่านั้นให้เสื่อมค่าลงไปได้เลย เฉกเช่นเดียวกับ “ผืนแผ่นดินด้ามขวานทอง” ของชาวไทยเรา แม้นว่าปวงชนบางจังหวัดที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้น จะประสบความยากลำบากถูกเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์รุมเร้าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่กระนั้นเสียงกลองธรรมก็ยังคงกระหึ่มอยู่เช่นเดิมมิเสื่อมคลาย ผ่านกิจกรรมงานบุญซึ่งมีเป็นประจำทุกเดือนตลอดหลายปีที่ผ่านมา สมกับคำว่า “ทอง” ที่ปรากฏชัดท้ายคำว่า “ด้ามขวาน” อันแสดงถึงความทรงค่าและความมีแสงสีในตนเองอยู่เสมอนั่นแล
วันอาทิตย์ที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ “ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา” มีกิจกรรมบุญให้พวกเราตักตวงบุญกันอย่างมากมาย ได้แก่ พิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระภิกษุจาก ๓๒๓ วัด พิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ฯ พิธีถวายสังฆทาน ๓๒๓ วัด ๔ จังหวัดภาคใต้ ปีที่ ๑๖ ครั้งที่ ๑๕๑ พิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ปีที่ ๑๓ ครั้งที่ ๑๑๖ เป็นต้น
สำหรับพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ฯ และพิธีถวายสังฆทาน ๓๒๓ วัด ในครั้งนี้ได้รับความเมตตาจาก พระครูวิรัตธรรมโชติ, ดร. เจ้าคณะอำเภอเมืองสงขลา มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
ตลอดงานบุญต่างตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความปลื้มปีติของผู้ที่มาร่วมงานทุกๆ คน แม้ว่าสภาพการณ์ในปัจจุบันจะยังคงคุกรุ่นอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่า ตราบใดที่แสงแห่งธรรมยังคงถูกจุดต่อไปอยู่เนือง ๆ เช่นนี้ ในไม่ช้าความร้อนระอุจะค่อย ๆ ถูกบรรเทาให้มลายหายไปอย่างแน่นอน
ทุกๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในงานบุญซึ่งช่วยต่อลมหายใจของพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไปได้อีกยาวนานนี้ ล้วนเป็นคนกล้า คนจริง กล้าทำและกล้าพูดในสิ่งที่คิด เพราะในยามที่เกิดความคับขันหรือปัญหาประการใดก็ตาม สถานที่แห่งนั้นและเวลานั้นล้วนต้องการบัณฑิตผู้ที่กล้าก้าวขึ้นมายืนอยู่แนวหน้า เพื่อนำผู้คนข้างหลังและตนเองให้ข้ามพ้นขวากหนามหรือปัญหาทั้งหลายไปได้ สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่มาในมหาสารชาดกว่า
“เมื่อถึงยามคับขันประชาชนต้องการผู้กล้าหาญ เมื่อถึงคราวปรึกษางานต้องการผู้ที่ไม่พูดพล่าม ยามมีข้าวน้ำต้องการผู้เป็นที่รัก ยามเกิดปัญหาต้องการบัณฑิต”
(ขุ.ชา. (ไทย) ๒๗/ ๙๒/ ๓๗)
ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของผู้กล้าทั้งหลาย ในที่สุดแล้ว “ด้ามขวานทอง ด้ามขวานเพชร ด้ามขวานพลอย” จะค่อย ๆ ถูกพลิกฟื้นเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี จากดีเป็นดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยแสงธรรมแสงทองอันชุ่มเย็นของพระพุทธองค์เป็นแน่ จึงขออนุโมทนาบุญกับบัณฑิตผู้เป็นคนกล้า คนจริง มา ณ โอกาสนี้