หลวงพ่อเจ้าคะ ขณะนี้ลูกกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ที่นี่ลูกมีเพื่อนมากหน้าหลายตา บางครั้งก็ต้องทำรายงานด้วยกัน ลูกควรจะวางตัวอย่างไร และมีวิธีการเลือกคบเพื่อนอย่างไรเจ้าคะ ?
เรื่องการคบเพื่อนนั้น ไม่เฉพาะแต่หนูหรอกที่จะหาวิธีเลือกคบเพื่อนอย่างไร ขนาดโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังเลือกเพื่อนได้ยากเลยหรือ แม้แต่รัฐบาลจะเลือกคนเข้าทีมก็ยังคัดเลือกยาก เพราะฉะนั้นการที่คุณหนูมาถามหามาตรการการคบเพื่อนตั้งแต่ตอนนี้ ถูกต้องแล้วการคัดเพื่อนสำหรับคบค้าสมาคมนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักเอาไว้ว่า"คบคนเช่นใดก็เป็นอย่างคนเช่นนั้น คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัญฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"
การที่จะเลือกว่า ใครเป็นคนพาล บัณฑิต เพื่อนแท้ เพื่อนเทียม ไม่ง่ายหรอกลูกเอ๋ย แต่ก็มีหลักการเลือกคบคนอยู่ ๔ ประการด้วยกัน คือคนๆ นั้นต้อง
ประการที่ ๑ รับผิดชอบต่อตนเอง ข้อนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หน้าที่ของคุณหนูตอนนี้คือเรียนหนังสือเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการเรียนต้องไม่ขาดตกบกพร่อง นี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบส่วนตัวทางโลก ส่วนในทางธรรมก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบควบคู่กันไปด้วย คือรักษาศีล ๕ เพราะศีลเป็นต้นทุนแห่งความเป็นมนุษย์ของหนูเอง
การเกิดเป็นมนุษย์ทำให้มีโอกาสได้ทำความดีสารพัด ต่างกับสัตว์ในโลกนี้ แม้มีมากมายหลายประเภท แต่ว่าไม่มีศักยภาพในการทำความดี ชาตินี้เรามีบุญได้เกิดเป็นคน จึงต้องรักษาความมีโชคตรงนี้ไว้ บุญพื้นฐานที่ทำให้ได้เกิดมาเป็นคนก็คือ ศีลนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ถึงคราวคบใคร ดูว่าเพื่อนคนนั้นรักษาศีลดีไหม ถ้ารักษาศีลไม่ดีก็ช่วย ตักเตือนแก้ไขให้เขาด้วย ถ้าช่วยแล้วเขาไม่ยอมให้แก้ ก็ถอยออกมาเถิด อย่าไปคบกับเขาเลย เพราะเขาได้ถอยหลังจากความเป็นคนไปแล้ว
ประการที่ ๒ รับผิดชอบต่อคนรอบข้าง คือมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเราเอง คือ คุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง รวมทั้งคนใช้ในบ้านด้วย คุณหนูต้องรับผิดชอบให้ดี คือ
๒.๑) ต้องถนอมน้ำใจคุณพ่อ เพราะท่านเหนื่อยที่ต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูเรา ยกตัวอย่าง ค่าเทอมที่ผ่านมา เบิกจากคุณพ่อแต่ละครั้งท่านถอนหายใจทุกครั้ง ฉะนั้นอะไรที่กระทบใจ หรือไปเพิ่มงานให้คุณพ่อต้องทำงานหนักมาก ขึ้นอีก ห้ามทำ
๒.๒) ถนอมใจคุณแม่ ท่านอยู่บ้านดูเหมือนไม่เหนื่อย แต่จริงๆ แล้วท่านเหนื่อย แค่ตามดูความประพฤติของคุณหนู คุณแม่ก็เหนื่อยแล้ว คุณพ่อต้องไปทำงานในโลกภายนอก ก็เป็นธรรมดาที่คุณแม่ต้องระวังหลัง ช่วยมองอนาคต ดูรายละเอียดต่างๆ เตรียมไว้ให้คุณหนูสารพัด
๒.๓) ถนอมใจพี่น้อง เราเกิดมาแล้ว มี พี่น้องกี่คน จะทำอะไรแต่ละอย่าง ก็ต้องให้ความเคารพ ให้เกียรติกันตามอาวุโส ต่อไปภายหน้าก็จะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ แต่ถ้า ไม่ถนอมน้ำใจกันแล้ว พี่น้องต้องแตกสามัคคีกันแต่เล็ก อนาคตจะรักษาสมบัติของพ่อแม่ไว้ไม่ได้
๒.๔) ถนอมใจคนรับใช้ อย่ามองว่าเขา เป็นคนใช้ ให้มองว่า เขาเป็นคนที่มาช่วยคุณพ่อเราหาเลี้ยงชีพ
เราเองก็มีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวเราอย่างนี้ เพื่อนคนไหนที่เขาไม่รับผิดชอบพ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัวของเขา เตือนได้ก็เตือน เตือนไม่ได้ก็ถอยเถอะ เดี๋ยวความไม่รับผิดชอบประเภทนี้จะลามมาถึงเราประการที่ ๓ รับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม คือรับผิดชอบต่อสถาบันที่เราศึกษาอยู่ ต่อครูบาอาจารย์ ต่อชื่อเสียงของสถาบัน ไม่ว่า การกีฬา หรืออะไรทั้งสิ้นที่เกี่ยวกับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย เราทำได้ก็ต้องทำ เพราะมหาวิทยาลัยของเรายิ่งมีเครดิตดี มีชื่อเสียงดีเท่าไร สิ่งเหล่านี้ก็ย้อนมาถึงตัวเราเองอีกนั่นแหละ เวลามีคนมาถามว่า จบจากสถาบันไหน พอตอบว่า มาจากสถาบันที่ดังๆ แค่นี้หน้าเราก็บานแล้ว
ประการที่ ๔ รับผิดชอบต่อศีลธรรมทางเศรษฐกิจ คืออย่าเข้าไปแตะต้องอบายมุขทุกชนิด ทั้งสุรา ยาเสพติด บุหรี่ ดิสโกเธคไม่แตะต้อง แม้แต่เพื่อนชวนไปดูคอนเสิร์ต ถ้าไม่เหมาะไม่ควรก็อย่าไป หรือเห็นใครไม่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งเหล่านี้ถ้าช่วยแก้ให้เขาไม่ได้ เราก็จำเป็นต้องถอย
คุณหนูมองภาพเหล่านี้แล้ว เราจะเห็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงละเอียดลออขนาดไหน ไปฝึกให้ได้ตามพระพุทธองค์ แล้วเราจะเป็นคนดี อยู่ในสายตาพระองค์ตลอดไปทั้งชาตินี้ทั้งชาติหน้า แล้วความตกต่ำจะไม่มีกับเรา ถ้ารับผิดชอบแบบนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ตั้งแต่สมัยเป็นนิสิตนักศึกษา เราพอหวังได้ว่า อนาคตของชาติไทยต้องรุ่งแน่นอน เพราะเศรษฐกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน