ถ้ามีญาติ หรือมีเพื่อนมาขอยืมเงิน เราควรจะวางตัวอย่างไร เพราะไม่ให้ เขาก็จะเสียน้ำใจ แต่ถ้าให้บ่อยๆ เราก็เดือดร้อน เหมือนกัน?สำหรับผู้ที่มีเพื่อน มีญาติพี่น้อง สิ่งสำคัญที่ต้องจำเอาไว้ก็คือ เมื่อถึงคราวจำเป็น เราต้องเป็นที่พึ่งให้แก่พวกเขาได้ เพราะถ้าถึงคราวจำเป็น ใครก็มาพึ่งไม่ได้ แล้วใครเขาจะอยากมาเป็นเพื่อน เป็นญาติกับเรา
หรือแม้ตัวเราเองก็เหมือนกัน บางครั้งถึงคราวเข้าที่คับขัน สิ่งที่เตรียมเอาไว้อย่างดี ก็อาจขาดแคลนได้ เข้าทำนองถึงเวลาราชสีห์ก็ต้องพึ่งหนูเหมือนกัน ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจกันเอาไว้ให้ดีเพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนฝูง บ่ายหน้ามาขอความช่วยเหลือ ลูกเอ๊ย! วิสัยของคนดี วิสัยของคนที่หวังจะมีความเจริญก้าวหน้า จะต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา ว่า ถ้าพรรคพวกเพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย บ่ายหน้ามาขอความช่วยเหลือแล้ว ต้องไม่ยอมให้เขากลับไปมือเปล่า จำคำนี้ไว้ก่อน
ส่วนจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนเป็นอีก เรื่องหนึ่ง อย่างช่วยอะไรกันไม่ได้จริงๆ ก็ต้องมีค่ารถ ให้เขากลับบ้านได้
การที่จะให้ความช่วยเหลือใครได้มากน้อยแค่ไหน มีหลักพิจารณาดังนี้
๑. ดูความพร้อม หรือดูกำลังของเรา ว่าเรา มีความรู้ มีความสามารถ มีกำลังที่จะให้เขาพึ่ง ได้เท่าไร คือ ใครที่ควรช่วยก็ช่วยเถอะ แต่ว่าอย่าให้เกินกำลังของเรา ข้อนี้ ต้องถือเป็นหลักเอาไว้ให้ดี
๒. ดูความจำเป็นของบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือ ดูว่าบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือจากเรา ไม่ว่าจะเป็นญาติ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม เขามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีความจำเป็น เท่าไรนัก เขามาเผื่อว่าจะได้เท่านั้นเอง อย่างนี้เลี้ยงข้าวสักมื้อหนึ่ง แล้วให้ ค่ารถกลับบ้านก็พอ
แต่ถ้าหากมีความจำเป็นมากๆ เช่น ตัวเขาเองป่วยหนัก พ่อแม่ตาย หรือลูกเกิดอุบัติเหตุ อะไรทำนองนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะมาแกล้งทำกัน และไม่ใช่เขาไม่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ เขาอาจ จะเตรียมพร้อม แต่ว่าเป็นเรื่องที่สุดวิสัย ในกรณีอย่างนี้ จะมากจะน้อยต้องช่วยกันให้เต็มที่ เต็มตามกำลังของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาผู้นั้นเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับเราในอดีต หรือเคยมีพระคุณกับเรา ถึงคราวเราเดือดร้อน เขาเคยช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ เต็มกำลังมาก่อน เมื่อถึงคราวเขาเดือดร้อนบ้าง เราก็ต้องช่วยเหลือเขาให้เต็มที่เต็มกำลังเหมือนกัน
อย่าว่าแต่เขาขอยืมเท่าไรแล้วให้เท่านั้นเลย เนื่องจากเขาเป็นคนดี เขาแสนจะเกรงใจ ที่เขาเอ่ยปากมา เขาก็กระเบียดกระเสียรเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องให้เป็น ๒ เท่า จากที่เขาขอ เพราะว่าเขาเป็นคนดี และเคยมีพระคุณกับเรามาก่อน แล้วครั้งนี้เขาก็จำเป็นจริงๆ
ในกรณีเช่นนี้ ถ้าเราเป็นประเภทตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวให้ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังละก็ ท่านใช้คำว่า "ลูกผู้ชายใจนักเลง" คือ เทช่วยกันหมดกระเป๋าเลยแต่ในกรณีทั่วไป เขากับเราเพียงแค่รู้จักกัน นิสัยใจคอก็ยังไม่ชัดเจนนัก ก็ให้ดูว่าเขาหมกมุ่น อยู่กับอบายมุขหรือไม่
ถ้าเขาหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ขืนเราให้ไป นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ต้องสูญเปล่าแล้ว ยังจะกลายเป็นการส่งเสริมให้คนทำความชั่วอีกด้วย ในกรณีอย่างนี้อย่าให้
ยกตัวอย่าง ดื่มเหล้า เมา กลิ่นฟุ้งมา มาขอยืมเงิน หรือมาขอยืมเงินเพื่อเอาไปเล่นหวย เอาไปแทงม้า อย่างนี้ไม่ต้องให้ เขาจะโกรธก็ปล่อยให้โกรธไปเถอะ
แต่ว่าเขาเป็นคนตั้งใจทำมาหากิน นิสัยใจคอดูแล้วก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร อย่างนี้ ถ้าไม่มากนัก ให้ไปตามสมควรเถอะ
ส่วนในกรณีที่ให้ไปแล้วเขาไม่เอามาคืน หรือเอามาคืนไม่ตรงเวลา ทำให้เกิดความเสียหาย แก่เรา อย่างนี้คงต้องคิดมากสักหน่อย
หรือไม่อย่างนั้นให้เขาไปสักครึ่งหนึ่ง สักส่วนหนึ่งก็แล้วกัน ส่วนที่เหลือคุณไปหาจากพรรคพวก เพื่อนฝูงคนอื่นบ้าง เพราะว่าถ้าคุณไม่เอามาคืนให้ตรงเวลา ฉันจะเดือดร้อน
เพราะฉะนั้น ช่วยใครได้ก็ช่วยเหลือกันไป ถ้าเขายังไม่มีประวัติในทางเสียหาย ช่วยเท่าที่ไม่เกินกำลังเรา เมื่อให้ไปแล้ว วันหลังเขาเอามาใช้คืนตามที่สัญญาไว้ ก็ถือว่าประวัติ ของเขาใช้ได้
หากวันหลังเดือดร้อนมา ก็ช่วยเขาอีกเหมือนกัน เพราะประวัติของเขาดี เข้าทำนองที่ว่า "ให้ก็ให้" คือ เราให้ไปแล้ว เขาก็ให้กลับคืน
แต่ว่าพวกไหนให้ไปแล้ว ไม่เคยให้กลับคืนเลย ถ้ามาอีกก็คงให้ไม่ได้ พอกันที เข้าทำนองที่ว่า "ไม่ให้ก็ไม่ให้ไ คือ ให้คุณไปแล้ว คุณไม่ให้กลับคืน มาขอใหม่อีก ก็เลยไม่ให้
ส่วนในกรณีที่เขาก็เป็นคนดี นิสัยใจคอก็ดี แต่ว่าตอนนี้เขาเกิดเคราะห์หามยามร้าย กลายเป็น คนพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยจะได้เสียแล้ว รู้เลย ว่าถ้าให้ไปคงจะไม่ได้กลับคืนมาแน่นอนในกรณีนี้ทำใจเสียเถอะ ว่าต้องให้ แต่ให้ในระดับที่เราไม่เดือดร้อน ให้ได้เท่าไรก็ให้ไป เพราะเขาเป็นคนดี เขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ว่าเขาโชคร้าย ถึงจะไม่มีปัญญามาใช้คืน ก็ไม่ว่ากัน
เพราะฉะนั้น ช่วยได้ก็ช่วยไปเถอะ เข้าทำนอง ว่า "ให้ ไม่ให้ ก็ให้" คือ ให้ไปแล้ว เขาจะคืนได้ หรือไม่ได้ก็ตาม เมื่อมาขอใหม่ก็ต้องให้ไปอีก นึกเสียว่าสงสารลูกนกลูกกาก็แล้วกันหรือนึกเผื่อว่า ถึงคราวเราเคราะห์หามยามร้าย ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้บ้าง เช่น รถคว่ำจนทำให้พิกลพิการ หรือเกิดอุบัติเหตุจนกระทั่ง ตาบอด หูหนวก ทำมาหากิน ก็ขาดแคลนเต็มที ซึ่งไม่รู้ว่าเรา จะเจอกับ ภาวะอย่างนี้เมื่อไร ก็คงจะมีใครเมตตาเราบ้าง เพราะบุญที่เราทำไว้กับเพื่อนคนนี้ หรือญาติคนนี้
แล้วถ้าจะให้ดี รีบสร้างบุญไว้ตั้งแต่วันนี้ให้มากๆ ถึงเวลาสมบัติเกิดกับเรา จะได้เกิดขึ้นมากๆ เวลามีใครเดือดร้อนมาหา เราก็จะได้ช่วยเขาได้ทีละมากๆ กลายเป็นไม้ใหญ่ให้นกให้กาได้อาศัย ก็ดีเหมือนกัน