มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๓ ส่อเสียดภิกษุต้องปาจิตตีย์

วันที่ 06 พค. พ.ศ.2565

มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๓ ส่อเสียดภิกษุต้องปาจิตตีย์

มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๓

คำแปลพระบาลีที่เป็นพุทธบัญญัติ
        “เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะส่อเสียดภิกษุ”

เนื้อความย่อในหนังสือนวโกวาท
        “ส่อเสียดภิกษุต้องปาจิตตีย์”

อธิบายความโดยย่อ
        คำว่า ส่อเสียด มาจากคำว่า เปสุญญวาท หมายถึงคำพูดเหน็บแนม คำพูดกระแนะกระแหน คำพูดนินทาลับหลัง คำพูดประชด คำพูดสบประมาท คำพูดยุแยง

        ลักษณะการพูดส่อเสียด คือฟังคำข้างนี้แล้วไปบอกข้างโน้น และฟังคำข้างโน้นแล้วมาบอกข้างนี้โดยมีจุดมุ่งหมายหลัก ๒ ประการคือ เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่รักของเขา และเพื่อให้เขาแตกกัน เกิดความบาดหมางกัน อันเป็นการทอนกำลังของทั้งสองฝ่าย

        สิกขาบทนี้ห้ามการพูดส่อเสียดภิกษุ ถ้าพูดส่อเสียดภิกษุ เป็นปาจิตตีย์ส่อเสียดภิกษุกับอนุปสัมบัน หรือส่อเสียดอนุปสัมบันทั้งสองฝ่ายเป็นทุกกฏ ได้ฟังเรื่องจากฝ่ายหนึ่งมาแล้ว มาเล่าให้ฝ่ายหนึ่งฟัง โดยไม่ปรารถนาจะให้เขาชอบตนหรือให้เขาบาดหมางแตกแยกกัน เล่าไปตามจริงที่ตนได้ฟังมา ไม่เป็นอาบัติ

เจตนารมณ์ของสิกขาบทนี้
      สิกขาบทนี้ทรงบัญญัติขึ้น เพื่อปรามภิกษุมิให้ทำตัวเป็นบ่างช่างยุ ทำให้ภิกษุเกิดความบาดหมางหรือแตกกัน อันเป็นการทำลายกำลังของหมู่คณะให้อ่อนแอ หรือมุ่งเอาใจให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความไว้วางใจรักชอบตนว่าเป็นผู้มีน้ำใจเก็บเรื่องราวของอีกฝ่ายมาบอกตน และเพื่อป้องกันการบาดหมางแตกแยกกันของสงฆ์

อนาปัตติวาร
      ในสิกขาบทนี้ท่านแสดงภิกษุผู้ได้รับยกเว้นไม่ต้องอาบัติไว้คือ 
      (๑) ภิกษุผู้ไม่ต้องการจะให้เขารัก 
      (๒) ภิกษุผู้ไม่ประสงค์จะให้เขาแตกกัน 
      (๓) ภิกษุผู้วิกลจริต 
      (๔) ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติหรือภิกษุอาทิกัมมิกะ ได้แก่ พวกภิกษุฉัพพัคคีย์

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.033529416720072 Mins