เรื่องที่ ๒๕๒ต้านคลื่นแม่เหล็ก
ถ้ามีโลหะอยู่ติดตัว คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องเอ็กซ์เรย์จะเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าไปสู่หัวใจ
โดยผ่านโลหะที่ติดอยู่กับตัว ซึ่งเป็นอันตรายมาก
คุณแดงต้อย ดำสำริด
|
|
|
คุณแดงต้อย ดำสำริด อายุ ๕๕ ปี รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ประจำห้องทดลองอยู่ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ กรุงเทพฯ เล่าว่า ได้มาที่วัดพระธรรมกายและรู้สึกประทับใจวัดตรงที่ได้พบเจ้าหน้าที่ของวัดที่ดีมากๆ คอยดูแลต้อนรับสาธุชน ที่มาวัดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพอ่อนน้อม ทำให้มองลึกลงไปว่า ที่เจ้าหน้าที่ของวัดดีขนาดนี้ แสดงว่าจะต้องมีครูบาอาจารย์ที่ดี ซึ่งก็คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์ทุกรูปในวัดที่ให้การอบรมสั่งสอน
คุณแดงต้อยได้มาร่วมงานบุญใหญ่ที่วัดจัดขึ้นตลอดไม่เคยพลาด และได้เป็นผู้นำบุญชักชวนคนให้มาทำบุญ เข้าวัดปฏิบัติธรรม และยังสามารถเชิญชวนคนให้มาร่วมบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้ถึงหนึ่งร้อยกว่าองค์
คุณแดงต้อยมีโรคประจำตัวอยู่คือ หมอนรองกระดูกเสื่อม และกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทที่ขา ทำให้ปวดขามาก และมีอาการชาอย่างรุนแรงมากขึ้นทุกวัน เมื่อไปโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าต้องทำการผ่าตัด เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไปอาจจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งก่อนหน้านั้นคุณหมอได้ให้ไปตรวจเอ็กซ์เรย์ ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งก่อนจะเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ จะต้องถอดโลหะทุกชนิดที่มีอยู่ในตัวออก เช่น แหวน สร้อย นาฬิกา แม้กระทั่งฟันปลอมที่เป็นโลหะก็ต้องถอดออก เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องเอ็กซ์เรย์จะวิ่งเข้าไปสู่หัวใจโดยผ่านโลหะที่ติดอยู่กับตัว ซึ่งเป็นอันตรายมาก ก่อนเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ จะต้องนอนบนเตียงแล้วมัดแขน ขา และตรงส่วนท้องให้แน่นติดกับเตียง ไม่ให้ร่างกายขยับเขยื้อนได้ ซึ่งหมอจะมัดอย่างแน่นหนามากจนไม่สามารถที่จะขยับตัวได้เลย
ในขณะที่คุณแดงต้อยเข้าเครื่องเอ๊กซ์เรย์อยู่นั้น จู่ๆ คุณหมอก็บอกให้คุณแดงต้อยนอนนิ่งๆ อย่าขยับไปมา คุณหมอบอกว่าอ่านฟิลม์ไม่ได้เลยเพราะภาพเลื่อนไปเลื่อนมา คุณแดงต้อยก็คิดในใจว่า มัดออกแน่นหนาขนาดนี้ จะขยับไปได้อย่างไร คงจะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานกับรูปพระมหาสิริราชธาตุที่ใส่ไว้ในกระเป๋าถือวางไว้ในห้องใกล้ๆ เตียงว่า "ลูกจะทำการผ่าตัด ขอให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยเรียบร้อย ขอให้ท่านได้มาคุ้มครอง ลูกให้ปลอดภัยด้วย" การเอ๊กซ์เรย์ผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่มาเปิดเครื่องเพื่อนำตัวคุณแดงต้อยออกมาจากเครื่องเอ็กซ์เรย์ แต่แล้วคุณแดงต้อยและทุกคนที่อยู่ในห้องเอ็กซ์เรย์ก็ต้องตกใจอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่คนนั้นร้องเสียงดังมาก เหมือนกับตกใจกลัวอะไรบางอย่าง บอกว่า "หนูกลัวๆ" เพื่อนๆ ของเขาก็เข้ามาถามว่าเห็นอะไร เขาบอกว่าตัวอะไรก็ไม่รู้ดำๆ เคลื่อนไหวได้ คล้ายๆ งู ดูเหมือนจะบังทับอะไรบางอย่างซึ่งอยู่ที่ใต้เตียงเอ็กซ์เรย์ที่คุณแดงต้อยนอนอยู่ เจ้าหน้าที่อีกคนจึงเดินเข้าไปใต้เตียงดูใกล้ๆ แล้วพูดว่าใครทำกุญแจตกไว้ในเครื่องเอ็กซ์เรย์ (ซึ่งก็คือกุญแจปิดเปิดของเครื่องเอ็กซ์เรย์นั้นนั่นเอง) คุณแดงต้อยได้ยินแล้วใจหายมาก และนึกขอบคุณพระมหาสิริราชธาตุอย่างมาก นั่นหมายถึงท่านมาคุ้มครองให้ปลอดภัย ไม่ได้มีอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะวิ่งเข้าสู่หัวใจผ่านกุญแจ ดอกนั้นนั่นเอง
เมื่อทำการเอ็กซ์เรย์แล้ว ก่อนจะถึงวันที่คุณหมอนัดให้มาผ่าตัด คุณแดงต้อยรู้สึกกลัวกับการผ่าตัดมาก จึงสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ ทุกเช้าก่อนจะไปทำงาน และอธิษฐานกับรูปภาพพระมหาสิริราชธาตุว่า "ถ้าจะผ่าตัด ขอให้ผ่านวันงานบุญทอดกฐิน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ ไปก่อน" วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ คุณหมอโทรมาบอกว่า ให้เข้าโรงพยาบาลด่วน เพราะคุณหมอจะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ถ้าพ้นจากช่วงนี้ไป จะไม่มีเวลาว่างอีก เพราะคิวผ่าตัดจะยาวมาก
ถึงกระนั้นคุณแดงต้อยก็ยังขอทำเรื่องเลื่อนการผ่าตัด ทั้งที่คุณหมอทักท้วงอีกว่าจะต้่องรออีกนานถึงจะมีคิวผ่าตัด แต่คุณแดงต้อยก็ยังยืนยันว่าเธอรอได้ ทำให้เธอสามารถมาร่วมงานบุญทอดกฐินได้ ต่อมาในคืนวันที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ คุณหมอก็โทรมาจากโรงพยาบาลมาบอกว่ามีคิวผ่าตัด ให้เข้าโรงพยาบาลวันพรุ่งนี้ได้เลย นับว่าเป็นอานุภาพบุญจริงที่คิวการผ่าตัดว่างพอดีทำให้ไม่ต้องรอนาน
เย็นวันรุ่งขึ้น เธอจึงไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด แต่ยังมีความกลัวว่าหลังผ่าตัดแล้วจะเดินไม่ได้ เพราะมีคนยกตัวอย่างผู้ที่เคยผ่าตัดแล้วเป็นอัมพาต และในคืนนั้นเธอรู้สึกว่าเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นผู้ชายแต่งชุดอุบาสกสี่คนมายืนอยู่ที่ข้างเตียงด้านขวา รูปร่างหน้าตางดงามมาก แต่ผิวหนังที่แขนไม่ใช่ผิวคนธรรมดา แต่เป็นผิวสีชมพูและเป็นมันลื่นๆ มาบอกว่า "ไม่ต้องกลัว จะคอยดูแลให้ จะปลอดภัยทุกอย่าง พวกเราอยู่ในรูปที่คุณมีอยู่" ทำให้เธอนึกถึงว่าต้องเป็นรูปภาพพระมหาสิริราชธาตุกรอบพญานาค สีทอง ซึ่งตัดออกมาจากปกเทปที่เธอนำติดตัวไปด้วย และก่อนนอนหรือขณะเข้าห้องผ่าตัดก็จะนำภาพนั้นมาสวดอธิษฐาน ขอให้การผ่าตัดครั้งนี้ปลอดภัย และสามารถเดินได้เหมือนเดิม
เช้าวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๑ เธอจึงเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ ๕ ชั่วโมง เมื่อฟื้นขึ้นมาคุณหมอบอกให้ลองขยับเท้าดู เธอก็สามารถทำได้ คุณหมอบอกว่าดีมาก การผ่าตัดครั้งนี้คุณหมอพอใจมาก
เธอนอนพักฟื้นอยู่เพียง ๔ วันเท่านั้น วันที่ ๕ คุณหมอก็ลองให้เดินโดยใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงในการเดิน (walker) ช่วยยันซึ่งก็สามารถเดินได้ คุณหมอบอกว่ากลับบ้านได้แล้ว เธอจึงถามเพื่อความมั่นใจอีกว่า "๕ วันผ่าตัดกระดูกหลังกลับบ้านได้แล้วหรือคะ" คุณหมอก็ตอบมาว่า "กลับบ้านได้แล้ว คุณแข็งแรงดี และการเดินก็เป็นปกติดี" ดิฉันจึงขออนุญาตคุณหมออยู่โรงพยาบาลต่ออีก ๔ วัน แล้วจึงกลับบ้าน นับว่าเร็วมาก เพราะบางคนอยู่โรงพยาบาล ๒ อาทิตย์แล้ว คุณหมอยังไม่อนุญาตให้กลับบ้านเลย
ทุกวันนี้อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็มีบางครั้งที่ยังมีอาการปวดหลังอยู่บ้าง เธอจะทำน้ำมนต์ดื่มโดยอาราธนาพระมหาสิริราชธาตุใส่ไว้ในแก้วน้ำ หรือบางวันปวดมากก็จะอาราธนาให้ท่านมาวนรอบๆ บริเวณที่ผ่าตัดนั้น คุณแดงต้อยทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง อาการปวดต่างๆ ก็หายไป
ฟังเรื่องนี้แล้ว น่าใจหายใจคว่ำ ที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำกุญแจหล่นอยู่ในเครื่องเอ็กซเรย์ เท่ากับชีวิตเสี่ยงอันตรายเต็มที แต่ยังดีที่คนป่วยนึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ แม้เป็นเพียงรูปภาพที่นำติดกระเป๋าถือมาด้วย นาคเทวาท่านได้มาช่วยชีวิตไว้ ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ที่ร้องเสียงดังลั่น คงเป็นเพราะมองเห็นเป็นภาพงูสีดำตัวใหญ่น่ากลัวจึงตกใจ พญานาคคงแสดงตัวบังกุญแจ ไม่ให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องทำอันตรายหัวใจคุณแดงต้อย
ความฝันของคนป่วยยืนยันชัดเจนว่า เป็นความช่วยเหลือของพญานาคที่อยู่ในรูปภาพพระมหาสิริราชธาตุกรอบพญานาค ท่านสามารถติดตามดูแลช่วยเหลือผู้เป็นเจ้าของได้เสมอ ขอเพียงให้เจ้าของระลึกถึงท่านเท่านั้น จะมีองค์พระจริงหรือเพียงรูปภาพ ท่านก็รับทราบ และช่วยเหลือทันที