อย่าชะล่าใจในการสร้างบารมี
หลวงพ่อเชื่อว่า ลูกทุกคนต่างมีความตั้งใจที่จะแสวงหาหนทางพระนิพพาน ตั้งใจจะทำพระนิพพานให้แจ้งกันทุกคน เพียงแต่ต่างกันตรงที่ทำมากหรือทำน้อยเท่านั้น โดยทุกคนได้ทำภารกิจควบคู่ไปกับจิตใจ ซึ่งเราสามารถสังเกตดูได้จากผลที่ออกมาว่า “ประกอบเหตุกันมาอย่างไร” ถ้าประกอบเหตุดี..ผลการปฏิบัติธรรมก็จะดีตามไปด้วย สังเกตได้ว่าเราจะมีประสบการณ์ภายในเกิดขึ้นเป็นรางวัลสำหรับการทำความเพียรของเรา
บางคนก็หยุดใจเป็น บางคนก็หยุดได้มาก บางคนหยุดได้น้อย บางคนใจโล่งโปร่งเบาสบายใจขยายเห็นแสงสว่างภายใน เห็นดวงธรรม เข้าถึงกายภายในก็มี เข้าถึงพระธรรมกายก็มี แต่จำนวนผู้ที่เข้าถึงความละเอียดมากขึ้นมีจำนวนลดน้อยลง โล่งโปร่งเบาสบายนี่มีเยอะ เห็นแสงสว่างก็น้อยลงไป จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายน้อยลงไปตามลำดับ
ทั้งหมดนี้ได้ชื่อว่า “ลูกทุกคนได้ใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์ในการสร้างบารมี” เอาบุญทุกอย่างทั้งทาน ศีล ภาวนา ทั้งช่วยเหลือกิจการงานส่วนรวม บางท่านเรียนปริยัติบางท่านก็ปฏิบัติ บางท่านทั้งเรียนด้วยทั้งสอนด้วย บางท่านเป็นพระอาจารย์ให้กับญาติโยมทั้งหลาย หรือชักชวนญาติโยมทั้งหลายให้มาสร้างคุณงามความดี บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการ ๑๐ ประการ เป็นต้น ล้วนเป็นความดีงาม..เป็นบารมีของลูกทุกๆ คน
เราจะชื่นอกชื่นใจกันเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับเราประกอบเหตุมากน้อยเพียงใด แต่อย่างน้อยก็เป็นบารมีของทุกคน ที่ตั้งใจทำกันมา ซึ่งปัญหามีเราก็แก้กันไป งานเราก็ทำ บุญก็สร้าง ภาวนาก็เจริญกันไป เป็นเรื่องยากที่ใครๆ จะทำได้อย่างเรา แต่อย่างไรเราก็ไม่ควรประมาท จะต้องใช้ชีวิตของเราให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมีให้ยิ่งไปกว่านี้ เพราะเรายังเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารอยู่ ยังเป็นเชลยของเขา เขายังเอาความโลภ ความโกรธ ความหลง กิเลสอาสวะต่างๆ มาบังคับบัญชาเราอยู่ ซึ่งเป้าหมายของเรา คือต้องการที่จะหลุดพ้นไปสู่ที่สุดแห่งธรรม
เพราะฉะนั้น..บารมีที่เราสั่งสมกันมา อย่าเพิ่งชะล่าใจนะลูกนะ ว่าเรามีบุญมีบารมีเยอะแล้ว ขยันในการสร้างความดีเอาไว้ก่อน หรือคิดว่าแค่นี้ก็ทำมามากเพียงพอแล้ว จะหยุดบ้าง หย่อนบ้าง..อย่าคิดอย่างนั้นนะลูกนะ เพราะความตายไม่มีนิมิตหมายเป้าหมายชีวิตยังไม่ปรากฏ นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าบารมีของเรายังอ่อนอยู่ยังจะต้องสร้างบารมีกันให้แก่กล้าขึ้นไปเรื่อยๆ
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๕
คุณครูไม่ใหญ่