พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกัปปัจจุบัน พระองค์ที่ ๓
นับเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๒๔ ที่ตรัสพุทธพยากรณ์
ทรงพระนามว่า พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสรีระสูง ๒๐ ศอก
อายุขัยมนุษย์ในยุคนั้น ๒ หมื่นปี
เป็นบุตรของพราหมณ์พรหมทัตตะ และนางพราหมณีธนวดี เป็นพราหมณ์มหาศาลในกรุงพาราณสี วรรณะนี้สูงสุด
ครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๒ พันปี เมื่อนางพราหมณีสุนันทาผู้ภรรยาคลอดบุตร ชื่อ วิชิตเสนะ เห็นนิมิต ๔ ประการ เกิดสลดใจ จึงเสด็จออกอภิเนษกรมณ์ พร้อมบริวาร ด้วยยานคือปราสาท มีผู้ออกบวชตาม ๑ โกฏิ
ทําความเพียรอยู่ ๗ วัน
ผู้ถวายข้าวมธุปายาสคือ นางสุนันทาพราหมณี
นิสีทนสันถัต กว้าง ๑๕ ศอก คนเฝ้าไร่ข้าวเหนียวชื่อโสมะ ถวายหญ้า ๘ กำ
ประทับนั่งโคนต้นนิโครธ
พระอัครสาวกคือ พระติสสะ และพระภารทวาชะ
พระพุทธอุปัฏฐาก คือ พระสัพพมิตตะ
ทรงแสดงธรรม ๕ ครั้ง
ครั้งแรก ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แก่ภิกษุผู้ตามออกบวช ๑ โกฏิ ที่อิสปตนมิคทายวัน กรุงพาราณสี
ครั้งที่ ๓ และ ๔ ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
ครั้งที่ ๕ ทรงฝึกยักษ์ชื่อนรเทพ ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ถือพระองค์เป็นสรณะ
มีสาวกสันนิบาตเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ทรงยกปาฏิโมกข์ขึ้นแสดงท่ามกลางพระอรหันต์ ๒ หมื่น ในวันมาฆบูรณมี
เสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนม์พรรษา ๒ หมื่นพรรษา ที่พระวิหารเสตัพยาราม ใกล้เสตัพยานคร แคว้นกาสี พระบรมสารีริกธาตุไม่กระจัดกระจาย รวมอยู่ในพระสถูปสูง ๑ โยชน์ ซึ่งงดงามด้วยแผ่นอิฐทองคำาและวิจิตรด้วยรัตนะ ที่วิหารนั้น
ในพุทธกาลนี้ พระโพธิสัตว์ของเราเกิดเป็นพราหมณ์ ชื่อ โชติปาละ ศึกษาวิชาของศาสนาพราหมณ์แตกฉาน รอบรู้เรื่องดินฟ้าอากาศ และวิถีนักษัตรฤกษ์ และนิมิตต่างๆ มีเพื่อนรักมาก คือฆฏิการะอุบาสก มีอาชีพปั้นหม้อ เป็นอุปัฏฐากผู้หนึ่งของพระบรมศาสดา
ฆฏิการะเป็นผู้ชักนำให้โชติปาละมาเฝ้าฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังแล้วเกิดศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง จึงออกบวชในสำนักพระตถาคตเจ้า หมั่นพากเพียรเล่าเรียนพระไตรปิฎกแตกฉานช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้กว้างขวางเป็นอันมาก เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของมหาชนยิ่งนัก
พระบรมศาสดาทรงเห็นความอัศจรรย์ในความสามารถ จึงทรงตรวจด้วยอนาคตตังสญาณ แล้วตรัสพุทธพยากรณ์ว่า ภิกษุโชติปาละจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในกัปเดียวกันนี้
พระโพธิสัตว์ฟังพุทธพยากรณ์แล้ว ยิ่งปีติเพิ่มพูนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธองค์ จึงอธิษฐานบำเพ็ญพุทธบารมีให้บริบูรณ์ยิ่งขึ้น หวังบรรลุพระสัพพัญญุตญาณสําเร็จเป็นพระพุทธเจ้าที่บริบูรณ์ด้วยพระคุณทั้ง ๓ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระกรุณาธิคุณ ละโลกแล้วไปสู่สุคติ