พระอริยบุคคล

วันที่ 08 เมย. พ.ศ.2567

080467bb01.jpg

 

พระอริยบุคคล
๖ กันยายน ๒๕๓๕
 พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้ไปขอให้ทุกคน ตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันทุก ๆ คนนะจ๊ะ ทำใจให้เบิกบานให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส เอาใจของเราที่แวบไปแวบมา มาหยุดนิ่งอยู่ที่ปากช่องจมูก โดยกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ เป็นดวงใสบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดไม่มีข่วนคล้ายขนแมว โตเท่าแก้วตาของเราน่ะ ขนาดที่จะผ่านปากช่องจมูกได้ กำหนดบริกรรมนิมิตก็คือ การสร้างมโนภาพขึ้นมาในใจว่ามีดวงแก้วที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา กำหนดเอาไว้ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงข้างซ้าย ท่านชายข้างขวา ให้ใจตรึกนึกถึงดวงใส... 

 


                หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต นึกเบา ๆ นึกถึงจุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิตอย่างเบา ๆ สบาย ๆ ตรึกนึกถึงดวงใสใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาในใจ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ๓ ครั้ง ก็ให้เลื่อนเครื่องหมาย ที่ใสเหมือนเพชรลูก ไปที่หัวตา ค่อย ๆ เลื่อนเครื่องหมายที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูก ไปที่หัวตา ท่านหญิงอยู่ข้างซ้าย ท่านชายอยู่ที่หัวตาข้างขวา ทำใจให้หยุดให้นิ่ง หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิต ที่เราสมมติให้เป็นดวงใสบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา เอาใจของเราตรึกไปตรงนี้นะจ๊ะ 

 


                หยุดอยู่ที่ตรงนี้น่ะ อย่างเบา ๆ สบายๆ เอาใจตรึกไปอย่างเบา ๆ สบาย ๆ ไปที่จุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิต พร้อมกับภาวนา สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง สัมมาอะระหัง ๓ ครั้ง ก็เลื่อนเครื่องหมาย โดยช้อนตาเหลือกขึ้นไปข้างบน เหลือกค้างขึ้นไป ให้เครื่องหมายตามไปด้วย และก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ กลางกั๊กศีรษะ ในระดับเดียวกับหัวตาของเรา มาหยุดนิ่งอยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ในระดับเดียวกับหัวตาของเรา ให้อยู่ตรง ๆ จุดกึ่งกลาง ค่อย ๆ ประคองบริกรรมนิมิตนั้น อย่างสบาย ๆ เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของบริกรรมนิมิตนั้น ตรึกนึกถึงความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต หยุดไปที่จุดกึ่งกลางความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนา สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ภาวนาในใจ ๓ ครั้ง ก็ค่อย ๆ ประคองเครื่องหมาย ให้เลื่อนลงมา อย่างช้า ๆ แล้วไปหยุดที่เพดานปาก ตรงช่องปากที่อาหารสำลักประคองเบา ๆ ตรึกไปที่ความใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต ตรึกนึกถึงดวงใสอย่าให้คลาดจากใจนะจ๊ะ 

 


                หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาสัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมา อะระหัง ๓ ครั้ง ก็ค่อย ๆ เลื่อนบริกรรมนิมิต ลงมาอย่างช้า ๆ มาที่ปากช่องคอ เหนือลูกกระเดือก เลื่อนเครื่องหมายลงมาอย่างช้า ๆ มาที่ปากช่องคอ เหนือลูกกระเดือก ใจของเราอย่าให้คลาดจากความใส ให้ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาสัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ๓ ครั้งค่อย ๆ เลื่อนเครื่องหมายบริกรรมนิมิต เข้าไปในกลางท้อง เหมือนร่างกายของเราเป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรงลงไป เครื่องหมายก็ค่อย ๆ เลื่อนลงไป เลื่อนลงไปอย่างช้า ๆ อย่างนุ่มนวล อย่างสบาย ๆ แล้วไปหยุดนิ่งอยู่ที่กลางท้องในระดับเดียวกับสะดือของเรา 

 


                สมมติว่าเราขึงเส้นด้าย จากสะดือทะลุไปข้างหลังเส้นหนึ่ง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้ายซ้าย ให้เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง เล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงจุดตัดตรงนั้นน่ะเป็นที่ตั้งของบริกรรมนิมิต เครื่องหมายที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ให้มาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้นะจ๊ะ ใจของเราก็จะต้องไม่คลาดจากดวงใสบริสุทธิ์ ให้ใจตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์ หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์ ใสเหมือนเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดไม่มีข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาในใจ สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ๓ ครั้ง 

 


                ก็ให้เลื่อนเครื่องหมายถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ให้เลื่อนเครื่องหมายบริกรรมนิมิตถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ โดยสมมติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นฐานสุดท้าย ที่เราจะประคองบริกรรมนิมิตดวงใสสะอาดบริสุทธิ์ ให้มาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นฐานสุดท้าย ที่เราจะกำหนดบริกรรมนิมิต ประคองให้หยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ ไม่ขยับเขยื้อนไปที่ไหน ตรงนี้เป็นฐานสุดท้าย ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต ตรึกถึงให้ดวงใสนะจ๊ะ

 


                พร้อมกับภาวนาในใจ ตอนนี้ภาวนาไปเรื่อย ๆ สัมมาอะระหัง ไปเรื่อย ๆ ภาวนาไปจนกว่าใจจะหยุดนิ่ง ภาวนาไปจนกว่าใจจะหยุดนิ่ง เพราะฉะนั้นไม่กำหนดว่าจะกี่ครั้ง จะกี่สิบ กี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่แสนครั้ง ก็ตาม ให้ภาวนาไป ภารกิจของเราตอนนี้คือการภาวนา สัมมาอะระหัง กับตรึกนึกถึงดวงใสทำแค่นี้นะจ๊ะ แค่ภาวนาสัมมา อะระหัง กับตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของบริกรรมนิมิต ทำแค่นี้ไป ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าใจจะหยุด สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง สัมมาอะระหัง ภาวนาอย่างสบาย ๆ ไม่ช้านักไม่เร็วนัก ให้สม่ำเสมอไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง พอใจหยุดนิ่ง ให้สังเกตอย่างนี้นะจ๊ะ พอใจมันหยุดนิ่ง คำภาวนา สัมมาอะระหัง ที่เราภาวนาอยู่ มันจะหายไป มันจะเลือนหายออกไปจากใจ หายไปเลย คล้าย ๆ กับเราลืมภาวนา 

 


                แล้วสภาพใจตอนนั้นก็ปลอดโปร่งโล่งเบาสบาย ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่มีความคิดอื่นเข้ามาแทรก รู้สึกเรามีความพอใจ เป็นสุขใจ ที่จะให้ใจหยุดนิ่งเฉย ๆ อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นั่นแหล่ะ ใจหยุด ใจหยุดแล้ว ถ้าถูกส่วน พอหยุดถูกส่วนเข้า ใจจะตกศูนย์วูบเหมือนกับตกจากที่สูงลงไปนะ อย่าไปตกใจนะจ๊ะ อาจจะมีอาการสะดุ้งขึ้นมา คล้าย ๆ กับเรานั่งรถไปแล้วก็ลงจากสะพานเร็ว ๆ หรือขึ้นหน้าผาแล้วโดดลงไปในน้ำ อย่างนั้นน่ะ จะวูบลงไป พอวูบลงไปก็จะมีดวงธรรมลอยขึ้นมา จากในกลางนั้นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ แล้วก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่ฐานที่ ๗ ตรงนี้เราจะเห็นชัดเจน คล้าย ๆ กับเราลืมตาเห็นวัตถุ จะแตกต่างจากมโนภาพซึ่งเราได้กำหนดเป็นบริกรรมนิมิตเมื่อสักครู่นี้ 

 


                ดวงธรรมเบื้องต้นนี้จะปรากฏเกิดขึ้นมา เมื่อใจหยุดนิ่ง โดยมีขนาดที่แตกต่างกัน ของแต่ละท่านไม่เท่ากัน บางท่านก็เท่ากัน บางท่านก็ไม่เท่ากันคือ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน จะปรากฏเกิดขึ้นมาเมื่อใจหยุดได้ถูกส่วนเป็นดวงใสหรือเป็นจุดใด ๆ บริสุทธิ์ เกิดขึ้นมาที่ใจหยุดตรงฐานที่ ๗ ดวงธรรมนี้แหละ เป็นดวงธรรมเบื้องต้น ที่จะไปสู่อายตนนิพพาน ท่านเรียกว่าดวงปฐมมรรค หรือดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นดวงปฐมมรรค เป็นดวงธรรมเบื้องต้น ถ้าใครได้ดวงธรรมดวงนี้ ปรากฏเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เห็นชัดใสสว่าง ใสแจ่ม ใสแจ่มเหมือนเราลืมตาเห็นอย่างนั้นน่ะ ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า เราจะต้องพ้นทุกข์อย่างแน่นอน 

 


                เราจะต้องเข้าถึงความสุขที่แท้จริง ความสุขอันเป็นความสุขอมตะไม่มีทุกข์เจือปนเลย อย่างแท้จริง และเป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะต้องไปถึงอายตนนิพพานได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย เพราะว่าทางไปสู่อายตนนิพพานนั้นน่ะ มีอยู่หนทางเดียวเท่านั้น อยู่ในกลางกายของเรา โดยเริ่มต้นจากความบริสุทธิ์ที่เราเห็นเป็นดวงใส ๆ เล็กเท่ากับดวงดาวในอากาศบ้าง ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ หรือขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันบ้าง เริ่มต้นจากตรงนี้แหละ และก็จะเป็นแนวกลางลงไปเลย เป็นเส้นแกนกลางลงไปจากจุดที่อยู่ในกลางนั้น เป็นเส้นเดียวเป็นทางเดียวตรงไปเลยอยู่ในกลางนั้นนะ ไปสุดที่อายตนนิพพาน เพราะว่าเป็นทางเดียวนี่ มีภาษาบาลีว่า เอกานยมรรค หนทางเอกสายเดียว ไม่มีสองทาง สายเดียว ทางนี้แหละที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้งหลาย ได้เสด็จเข้าสู่อายตนนิพพาน ก็เส้นทางนี้ ไม่ได้ไปทางไหนเลย อาศัยเส้นทางสายกลางที่อยู่ในกลางกายเรา เป็นเส้นทางที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ และละเอียดเข้าไปตามลำดับ 

 

 

                เมื่อท่านพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายแต่เดิมท่านเป็นปุถุชน เมื่อท่านเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้เนี่ยะ พอถูกส่วนก็เห็นดวงใส เห็นดวงธรรมเบื้องต้น แล้วท่านเข้ากลางดวงนี้ต่อไป วิธีเสด็จเข้ากลางของท่านในกลางดวงนี้น่ะ ท่านทำเพียงแค่นี้ คือเอาใจหยุด เอาใจนิ่ง และก็เฉย ๆ หยุดนิ่ง เฉย ๆ อย่างสบายๆ ไปที่จุดกึ่งกลางของดวงนี้เท่านั้น ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย หยุดนิ่ง เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ ไปที่จุดกึ่งกลางของปฐมมรรค จนกระทั่งมันถูกส่วน ถูกส่วนคือใจเราละเอียดลงไปตามลำดับ ใจเราไม่ติดพันกับอะไรทั้งสิ้น หยุดอย่างเดียว หยุดอยู่ในกลางนั้นไปเรื่อย ๆ พอถูกส่วนดวงธรรมเบื้องต้นที่เห็นที่เล็ก ๆ เท่าปลายเข็มก็ดี เท่าดวงจันทร์ก็ดี เท่าพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันก็ดีก็ขยายกว้างออกไป จะขยายกว้างออกไปทีเดียวนะ ขยายกว้างโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เดิม แต่ว่าละเอียดกว่าเดิมเข้าไป พอขยายกว้างก็จะพบดวงธรรมดวงใหม่ ที่มีลักษณะที่ใสบริสุทธิ์กว่าเดิม กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้ว แต่ว่าใสบริสุทธิ์ ใสเกินใสใสยิ่งกว่าเพชร และก็สว่าง สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน ตอนแรกก็เท่ากับดวงเดียว หนักเข้าก็หลาย ๆ ดวง 

 


                ดวงธรรมถัดไปที่ผุดเกิดขึ้นมา คือ ดวงศีล ดวงศีล เป็นเครื่องกลั่นใจเราให้บริสุทธิ์ละเอียดเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง พอใจหยุดเข้าไปในกลางดวงศีล หยุดไปเรื่อย ๆ หยุด นิ่ง เฉย อะไรผุดเกิดขึ้นมาก็หยุดเข้าไปเรื่อย ๆ พอถูกส่วนดวงศีลก็ขยายกว้างออกไป เข้าถึงดวงธรรมอีกดวงหนึ่ง เรียกว่า ดวงสมาธิ เราเข้าถึงนี้ เราจะรู้จักเลย เรียกว่า ดวงสมาธิ เป็นที่ตั้งมั่นของใจเรา เป็นที่กลั่นใจของเราให้ละเอียดเข้าไปอีก อีกชั้นหนึ่ง ก็จะเข้าถึงดวงปัญญา จะเข้าถึงดวงธรรมอีกดวงหนึ่ง เรียกว่า ดวงปัญญามีลักษณะกลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วเช่นเดียวกัน แต่ว่าใสกว่าเดิม สว่างกว่าเดิม ปราณีตกว่าเดิม ผุดเกิดขึ้นมาในกลางนั้น เมื่อใจหยุดอยู่ในกลางดวงปัญญา ถูกส่วนเข้า ดวงปัญญาก็กลั่นใจของเรานะ ให้เข้าถึงอีกดวงธรรมหนึ่งซึ่งละเอียดกว่า อยู่ในกลางนั้นน่ะ ที่เดิมตรงนั้น เรียกว่าดวงวิมุตติ 

 


                ดวงวิมุตติจะผุดเกิดขึ้นมาในกลางนี้ เป็นดวงกลมใสบริสุทธิ์ ผุดเกิดขึ้นมา เมื่อใจเราหยุดนิ่งเฉยอย่างสบาย ๆ ในกลางดวงวิมุตติ พอถูกส่วนเข้า ดวงวิมุตติก็จะกลั่นใจของเราให้ละเอียดให้บริสุทธิ์เพิ่มขึ้น เข้าถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ เข้าถึงดวงธรรมวิมุตติญาณทัสสนะเป็นดวงใสสะอาดบริสุทธิ์ ผุดเกิดขึ้นมาอยู่ในกลางนั้น และในกลางดวงธรรมดวงนี้ เมื่อใจหยุดต่อไปอีก หยุดนิ่งเฉยไม่ต้องทําอะไรเลยเนี๊ยะ แค่หยุด แค่นิ่ง แค่เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ พอถูกส่วนดวงวิมุตติญาณทัสสนะขยายกว้างออกไป จะเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เราจะเห็นกาย ๆ หนึ่งผุดเกิดขึ้นมาเลย ที่กลางนั้น ลักษณะเหมือนตัวของเราท่านหญิงก็เหมือนกับท่านหญิง ท่านชายก็เหมือนกับท่านชาย กายมนุษย์ละเอียดนั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา ลักษณะที่เห็นใหม่ ๆ เหมือนเรามองจากที่สูงลงไป เห็นศีรษะ เห็นทั้งตัวเลย เหมือนเป็นตุ๊กตา ตั้งอยู่ในกลางนั้น แต่ว่ามีชีวิต มีจิตใจเหมือนกับกายมนุษย์หยาบ ที่เรียกว่ากายมนุษย์ละเอียด เพราะว่ามีลักษณะเหมือนกายมนุษย์หยาบ แต่ใสกว่า ละเอียดกว่า ปราณีตกว่า นั่งขัดสมาธิอยู่ในกลางนั้น

 

 


                พอใจหยุดถูกส่วนกายมนุษย์ละเอียดก็จะค่อย ๆ ขยายกว้าง โตขึ้นจนกระทั่งเท่ากับตัวของเราน่ะ กายมนุษย์ละเอียดขยายโตขึ้นเท่ากับตัวของเรา แล้วก็ซ้อนเป็นอันเดียวกับตัวของเรา ซ้อนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวของเราตอนนี้เราก็จะมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเดิม คือมีความรู้สึกเป็นของกายมนุษย์ละเอียด มีชีวิตจิตใจที่เป็นของกายมนุษย์ละเอียด เมื่อมีชีวิตจิตใจที่เป็นของกายมนุษย์ละเอียด ใจที่อาศัยเดินทางไปสู่อายตนนิพพานในกลางกายนั้น ก็เป็นใจของกายมนุษย์ละเอียด หยุดลงไปในกลางฐานที่ ๗ ต่อไปอีกในทำนองเดียวกันน่ะ ก็จะเข้าถึงดวงธรรม ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานในกลางกายมนุษย์ละเอียด แล้วก็เข้าไปทำนองอย่างเนี้ยะ ไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นดวงธรรมผุดเกิดขึ้นมา ชื่อเหมือนเดิมคือ ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ชื่อเหมือนเดิม แต่ว่าละเอียดกว่าเดิม ละเอียดกว่าเดิมคือใสกว่าเดิม สว่างกว่าเดิม ปราณีตกว่าเดิม ใจก็บริสุทธิ์กว่าเดิมเข้าไปเรื่อย ๆ เข้าไปใน ทำนองอย่างนี้เนี่ยะ กระทั่งในที่สุดก็จะไปพบกายต่าง ๆ ซ้อน ๆ กันอยู่ภายใน ซ้อนอยู่ในกลาง นี่ก็เป็นเรื่องแปลกทีเดียว เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ ว่าในกลางกายเราในตลอดเส้นทางสายกลางนี้ มีกายต่าง ๆ ซ้อนอยู่ ดักอยู่เป็นชั้น ๆ เข้าไปเลย เหมือนรถหลาย ๆ ผลัดน่ะ ส่งกันต่อ ๆ กันขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปถึงอายตนนิพพาน กายต่าง ๆ ที่เรียงซ้อนกันอยู่ภายในนั้นนะ คือกายมนุษย์ละเอียด 

 


                เมื่อสักครู่นี้เนี๊ยะ ในกลางกายนี้ก็จะมีกายทิพย์ละเอียด กายทิพย์หยาบ ในกลางกายทิพย์หยาบก็มีกายทิพย์ละเอียด ในกลางกายทิพย์ละเอียดก็มีกายรูปพรหมหยาบ ในกลางกายรูปพรหมหยาบก็มีกายรูปพรหมละเอียด ในกลางกายรูปพรหมละเอียดก็มีกายอรูปพรหมหยาบ ในกลางกายอรูปพรหมหยาบก็มีกายอรูปพรหมละเอียด ในกลางกายอรูปพรหมละเอียดก็มีกายธรรมโคตรภูหยาบ ในกลางกายธรรมโคตรภูหยาบก็มีกายธรรมโคตรภูละเอียด ในกลางกายธรรมโคตรภูละเอียดก็มีกายธรรมพระโสดาบันหยาบ ในกลางกายธรรมพระโสดาบันหยาบก็มีกายธรรมพระโสดาบันละเอียด ในกลางกายธรรมพระโสดาบันละเอียดก็มีกายธรรมพระสกิทาคามีหยาบ ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามีหยาบก็มีกายธรรมพระสกิทาคามีละเอียด 

 


            ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามีละเอียดก็มีกายธรรมพระอนาคามีหยาบ ในกลางกายธรรมพระอนาคามีหยาบก็มีกายธรรมพระอนาคามีละเอียด ในกลางกายธรรมพระอนาคามีละเอียดก็มีกายธรรมพระอรหัตหยาบ ในกลางกายธรรมพระอรหัตหยาบก็มีกายธรรมพระอรหัตละเอียด ทั้งหมด ๑๘ กาย ที่ชื่อที่เรียกอย่างนั้น ก็เรียกไปตามความบริสุทธิ์ของกายและใจ ของแต่ละกายที่ซ้อนกันอยู่ภายใน โดยแบ่งกายออกเป็น ๒ ประเภท คือ กายที่อยู่ในฝ่ายโลกียะที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ กับกายที่เป็นโลกุตตระ คือพ้นจากภพ พ้นจากโลก นี่อีกประเภทหนึ่ง แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท กายที่ยังอยู่ในโลกก็มีกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์หยาบ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม

 


                ตั้งแต่กายธรรมขึ้นไปเป็นกายที่พ้นจากภพ พ้นจากโลกไปแล้วทั้งนั้น กายธรรมขึ้นไปนั่นแหละตั้งแต่กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมโคตรภู่นั้นมันจุดกึ่งกลางของโลกียะและโลกุตระ ตั้งแต่กายธรรมพระโสดาบันขึ้นไปเป็นกายธรรมของพระอริยะเจ้าพระอริยบุคคลเพราะฉะนั้นพระอริยบุคคลน่ะ ผู้พ้นอันวิเศษนั้นนะอยู่ภายในตัวของเรานี่เอง ไม่ได้อยู่ที่ไหน ถ้าเราอยากจะแสวงหาพระอรหันต์หรือพระอริยบุคคล ให้แสวงเข้าไปหาในตัวของเรา อย่าไปแสวงหานอกตัว ถ้าไปแสวงหาพระอรหันต์นอกตัวน่ะ เราไม่รู้จัก เราก็ได้แต่เดาเอา คาดคะเนเอา ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจจะไม่ใช่หรือใช่เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าปลอดภัยที่สุด ก็คือการแสวงหาพระอริยบุคคล พระอรหันต์ภายในตัวของเราซึ่งอยู่ในเส้นทางสายกลางนี้ สายกลางซึ่งอยู่กลางกายของเรานี้เท่านั้น ถ้าเราเข้าถึงกายไหน ขจัดกิเลสอาสวะหมดสิ้นไปได้ตามส่วน แล้วก็เป็นกายนั้น เข้าถึงกายนั้น แล้วก็จะมีสภาวะเป็นกายนั้น

 


                เพราะฉะนั้นพระอริยบุคคลนั้นอยู่ในตัวของเรานะจ๊ะ ไม่ได้ไปอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่เราเข้าถึง จิตของเราก็จะบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น มีความสุขยิ่งขึ้น มีความเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นไปตามความเป็นจริง ๑๘ กายนี้ เป็นแผนผังชีวิตของมนุษย์ทุก ๆ คนในโลก กายเหล่านี้มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมา แต่มันมีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเข้าถึงได้หรือไม่ ถ้าเราเข้าถึงเราก็มีภูมิธรรมอยู่ในกายนั้น เป็นกายนั้น อย่างเช่นพระโสดาบันนั้นน่ะ ที่เป็นพระโสดาบันคือจะมีโอกาส ถ้าท่านจะขจัดกิเลสไปได้ส่วนหนึ่ง และท่านจะท่องเที่ยวอยู่ใน ๒ ภูมิ คือในมนุษยโลกกับเทวโลก เกิดมาสร้างบารมีอีกไม่เกิน ๗ ชาติ ก็ไปสู่อายตนนิพพานได้ ที่เป็นพระโสดาบันก็คือท่านเข้าถึงกายธรรมพระโสดาบันนี่เอง กายธรรมที่มีลักษณะเป็นพระปฏิมากร เกศดอกบัวตูม มีลักษณะมหาบุรุษเกศดอกบัวตูม ใสเป็นแก้ว งามไม่มีที่ติ หน้าตัก ๕ วา สูง ๕ วา ใสบริสุทธิ์ พร้อมกับละกิเลสไปได้ส่วนหนึ่ง นี่แหละคือกายธรรมพระโสดาบัน เป็นพระโสดาบัน  

 


                เมื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ก็เช่นเดียวกัน พระอริยบุคคลเหล่านี้ อยู่ในตัวของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนนะจ๊ะ เพราะฉะนั้น ถ้าหากเราทำแค่หยุด นิ่ง เฉย ๆ อย่างสบาย ๆ เราก็จะเข้าถึงกายต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว และเมื่อเราทำให้คล่องให้ชำนาญ จนกระทั่งบริสุทธิ์ บริสุทธิ์ถูกส่วน กระทั่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายนั้น เราก็จะมีสภาวะเป็นกายนั้นน่ะ มีความรู้แจ้งอยู่ในกายนั้น มีความสุขเพิ่มพูนอยู่ในกายนั้น ขอให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจนะจ๊ะ ว่าในตัวของเรานั้นมีเส้นทางสายกลาง ซึ่งเป็นทางเอกสายเดียว มีทางเดียวเท่านั้น อยู่ในกลางกายของเรา ที่เราจะอาศัยเดินทางไปสู่อายตนนิพพานได้ และตลอดเส้นทางนี้ เราจะพบพระอริยเจ้าที่อยู่ภายในตัวของเรา ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหัต อยู่ในกลางนี้เป็นพระอริยเจ้าที่ให้ความบริสุทธิ์แก่ใจของเรา 

 


                เมื่อเข้าถึงแล้วเราจะเกิดปิติ ปราโมทย์ใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ขอให้ทุกท่าน ได้ตั้งใจหยุดลงไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใส ของบริกรรมนิมิต ที่เป็นดวงใส บริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา พร้อมกับภาวนาในใจ สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหัง สัมมา อะระหังภาวนาเรื่อย ๆ ไปนะจ๊ะ ไม่ต้องไปนับว่าภาวนาได้กี่ครั้ง ให้ภาวนาไป จนกว่าใจจะหยุดนิ่ง เห็นดวงใส ให้ทำอย่างนี้นะจ๊ะ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะ ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กันนะจ๊ะทุก ๆ คน หยุดให้สนิทลงไปเลย ให้ใจของเราหยุดในหยุด หยุดในหยุด หยุดในหยุดลงไป ลงไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรึกในตรึก ตรึกในตรึกลงไปน่ะ นิ่งในนิ่งลงไปในตรงนั้นนะ หยุดนิ่งให้ใจใสใจสบาย 

 


                ใครที่เพิ่งจะเริ่มต้นใหม่ก็ตรึกไปถึงบริกรรมนิมิต หยุดลงไปตรงนั้นนะ ท่านที่ได้เข้าถึงดวงปฐมมรรค ที่เห็นเหมือน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวในอากาศ ชัดเจนแจ่มใสคล้ายกับเราลืมตาเห็น ก็หยุดเข้าไปในกลางดวงปฐมมรรคใครเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เห็นตัวเองชัดเจนทีเดียว ที่นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายมนุษย์ละเอียด ใครที่เข้าถึงกายทิพย์ กายทิพย์ที่มีลักษณะสวยงามกว่ากายมนุษย์ละเอียด มีเครื่องประดับพร้อม ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายทิพย์ ใครเข้าถึงกายรูปพรหม ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กายทิพย์แต่สวยงามกว่า ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายรูปพรหม ใครที่เข้าถึงกายอรูปพรหม ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กายรูปพรหม แต่ว่าสวยงามกว่า ปราณีตกว่า ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายอรูปพรหม 

 


                ใครที่เข้าถึงกายธรรมตั้งแต่กายธรรมโคตรภูเรื่อยไปเลย ที่มีลักษณะสวยงามมาก เกศดอกบัวตูม นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายธรรมนั้น หยุดในหยุด หยุดในหยุด ลงไปเลยนะจ๊ะ หยุดให้สนิท ให้นิ่ง ทำใจให้เบิกบาน ให้ผ่องใส ให้มีปีติสุข แล้วก็กราบทูลท่าน ขอบุญ ขอบารมี ขอรัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ ให้ถึงแก่พวกเราทั้งหลาย ให้ชีวิตมีความสุข มีความเจริญ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ที่เป็นนักศึกษาก็ให้ศึกษาให้สำเร็จสมความปรารถนา ให้เป็นบัณฑิตเป็นนักปราชญ์ทั้งทางโลกทางธรรม ที่ประกอบธุรกิจการงาน ก็ให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม เข้าถึงฐานะแห่งความเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ที่รับราชการ ก็ให้ไปให้สูงที่สุดในสายนี้

 

 

                ให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ให้เป็นครอบครัวธรรมกาย ให้มีหัวใจแห่งการเป็นนักสร้างบารมีให้มีสมบัติมาก ๆ ได้สร้างบารมีไม่รู้จักหมดจักสิ้น ศัตรูหมู่พาลคิดร้ายก็ให้แพ้ภัยแพ้อำนาจ ให้เปลี่ยนแปลงจากความเป็นศัตรูให้มาเป็นมิตร ให้เป็นที่รักของมนุษย์ของเทวดาทั้งหลาย ให้ได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ให้แตกฉานในวิชชาธรรมกาย ให้ความปรารถนาที่ดีงามที่ทุกคนตั้งเอาไว้อย่างดีแล้ว ให้ประสบความสำเร็จ คุณยายกราบทูลพระพุทธเจ้า ส่งผังสำเร็จลงมา ให้สำเร็จสมความปรารถนากันทุก ๆ คน ท่านที่ตั้งใจเป็น ประธานรอง ก็ให้เป็นไปได้อย่างสะดวกสบายอย่าได้มีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้น ให้สำเร็จสมความปรารถนาอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้ จะด้วยตนเองก็ดีหรือชักชวนคนอื่นมาก็ดี ให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ และขอผลบุญนี่ติดตัวไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน  

 


                ให้สมบูรณ์ไปด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญสุข มรรคผลนิพพาน ให้กระแสธารแห่งบุญหลั่งไหลตลอดระยะเวลา ๓ วันนี้เนี้ยะ ให้ไหลมาเทมา ผ่านที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ความปรารถนาที่ลูก ๆ ชายหญิงทุกคน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ให้ประสบความสำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จเป็นอัศจรรย์ทันตาเห็น ให้กราบทูล พระพุทธเจ้าให้ปกปักรักษาลูกชายหญิงทุกคน จะเดินทางไกลไปไหนมาไหนก็ขอให้ปลอดภัย ปราศจากอัคคีภัย โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิด ให้มีความสุขมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ให้เข้าถึงปฐมมรรค ให้เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ให้เข้าถึงกายทิพย์ ให้เข้าถึงกายรูปพรหม ให้เข้าถึงกายอรูปพรหม ให้เข้าถึงกายธรรม กายธรรมในกายธรรมนั้นไปเรื่อย ๆ ให้มีจิตใจที่เข้มแข็งเหมาะสมที่จะเป็นนักสร้างบารมี โดยไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคอันใดทั้งสิ้น ให้มีจิตใจแช่มชื่นเบิกบานในการสร้างบารมี ทั้งก่อนทำ กำลังทำและที่ได้ทำไปแล้ว ให้ใช้เวลาทุกวินาทีที่อยู่ในโลกนี้ ผ่านไปด้วยการสร้างบารมี ด้วยการทำความดี ไปจนกระทั่งหมดอายุขัย เกิดมาใหม่ก็ให้สร้างบารมีเรื่อยไปเลย จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม

 


                กราบทูลพระพุทธเจ้านะจ๊ะ ส่งผลบุญ ส่งผังอันศักดิ์สิทธิ์ ความปรารถนาอันใดที่นอกเหนือจากนี้ ที่ลูก ๆ ชายหญิงตั้งเอาไว้อย่างดีแล้วนั้น ก็ขอให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า ขอบุญขอบารมีให้เต็มไปหมด ลูกชายหญิงที่อยู่ต่างประเทศนั้น ก็ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ให้สำเร็จสำเร็จ เป็นอัศจรรย์เลยนะจ๊ะ และก็ขอให้ขยันนั่งธรรมะกันนะ แม้อยู่ห่างไกลจากหลวงพ่อ ไปอยู่ต่างประเทศก็อย่าขี้เกียจนั่งธรรมะ ให้ขยันนั่งธรรมะแล้วตั้งเป้าหมายว่า ภายในพรรษานี้ แม้ว่าเราจะอยู่ต่างประเทศ มีภารกิจมากในการทำมาหากินในการศึกษาเล่าเรียน ก็จะต้องตั้งใจมั่นว่าเราจะต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ ไม่ได้เป็นไม่เลิก ไม่ได้เป็นไม่ยอม โดยไม่มีข้อแม้ โดยไม่มีข้ออ้างและไม่มีเงื่อนไข จะต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้  ธรรมกายคือเป้าหมายของชีวิต เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นนอกจากนี้ไม่มีอีกแล้ว

 

 

                เพราะฉะนั้น ลูกชายหญิงทุก ๆ คนนะจ๊ะ ตั้งใจปฏิบัติให้ได้ เอาชีวิตของเราเป็นเดิมพันทีเดียว ต่อไปเมื่อธรรมกายขยายไปทั่วโลกแล้ว เราจะนั่งพร้อม ๆ กันไปทั่วโลก เพื่อแผ่ขยายสันติสุขภายในเนี้ยะ ให้ไปสู่ชาวโลกเพื่อชาวโลกจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง ในเดือนนี้ขยายไป ๒ ประเทศ เดือนต่อไปก็จะขยายไปอีก ทีละประเทศ ทีละประเทศ จนกว่าจะทั่วโลก เพราะฉะนั้นลูก ๆ ชายหญิงที่อยู่ต่างประเทศนะจ๊ะ ก็ขอให้ตั้งใจกันให้ดีนะ สิ่งไรที่เราทำสิ่งนั้นเป็นของเรา สิ่งไรที่เรายังไม่ได้ทำ กุศลสิ่งนั้นยังไม่เป็นของเราอย่างแท้จริงนะจ๊ะ เพราะฉะนั้น ให้ตั้งใจสร้างบารมีกันให้ดี คุณยายก็คุมบุญให้พวกเราทุกคน ให้ลูกชายหญิงทุกคนประสบความสำเร็จให้ได้ ลูกชายหญิงทุกคนก็ตั้งจิตอธิษฐานจิตให้ดี ต่างคนต่างตั้งจิตอธิษฐานกันไปอย่างเงียบ ๆ นะจ๊ะ          


 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.026809533437093 Mins