อนาถบิณฑิกเศรษฐี
ตอนที่ ๑๗ กุศโลบายดึงลูกชายเข้าวัด
การเป็นผู้ฟังธรรมด้วยความเคารพธรรมะ คือ ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติ หรือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ว่า มีอะไรบ้างเกี่ยวกับความเป็นจริงของชีวิตแล้วจะปฏิบัติอย่างไร เพื่อจะให้บรรลุวัตถุประสงค์ตรงนั้น ถ้าไม่ตั้งใจฟังชื่อว่า ไม่ได้ทำความเคารพในธรรม ผู้ที่ตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพ ย่อมส่งผลให้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เป็นต้น
พระพุทธองค์เทศน์ลุ่มลึกไปตามลำดับ แล้วสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แสดงธรรมสูงขึ้นไปจากท้องทะเลไล่ไปถึงชายหาด ถึงพื้นราบ ถึงเชิงเขา ถึงยอดดอย เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ฟังเพลิน เพราะว่าอยู่ในหัวข้อเดียวกันไม่จบสักที ฟังเรื่อยๆ สบายอกสบายใจ เลยได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ตอนนี้นายกาละเป็นโสดาบันแล้ว
พอวันรุ่งขึ้น นายกาละได้กลับมาที่บ้านของตนพร้อมด้วยพระบรมศาสดา และเหล่าพระสาวก ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเห็นบุตรชายของตนก็รู้สึกชอบใจในอาการของบุตรมาก และคิดว่าวันนี้ลูกของเรามีหน้าตาผ่องใสเป็นพิเศษ ส่วนนายกาละกลับมีความคิดว่า ขออย่าให้บิดาของเรามอบเงินให้เราต่อหน้าพระบรมศาสดาเลย เพราะว่าเราอายจังเลย ที่รับจ้างฟังธรรม และขอให้ท่านปกปิดเรื่องที่เราไปฟังธรรม และรักษาอุโบสถเพราะต้องการเงินด้วยเถิด
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบอยู่แล้วว่า นายกาละไปฟังธรรมเพราะถูกบิดาจ้างไป ส่วนท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้สั่งบริวารจัดเตรียมข้าวต้มเพื่อเหล่าพระภิกษุสงฆ์ แล้วท่านก็ได้ถวายภัตตาหารแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยเหล่าพระสาวก จากนั้นท่านเศรษฐีจึงสั่งบริวารจัดเตรียมอาหารให้แก่บุตรของตน นายกาละรับประทานอาหารอย่างสงบเสงี่ยมซึ่งแตกต่างจากวันก่อน ต้องรับเงินก่อนถึงจะรับประทานอาหาร เมื่อพระพุทธองค์และเหล่าพระสาวกฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจึงสั่งให้บริวารนำเงิน ๑,๐๐๐ กหาปณะ มาวางไว้ต่อหน้านายกาละ แล้วกล่าวว่า “ลูกกาละ นี่คือ ๑,๐๐๐ กหาปณะตามที่พ่อได้สัญญาเอาไว้”
นายกาละเห็นบิดาให้ทรัพย์ต่อหน้าพระพุทธเจ้าก็อาย จึงกล่าวว่า “ผมไม่ต้องการเงินหรอก”
“รับไปเถอะลูก ก็เราตกลงกันไว้อย่างนั้น”
“โปรดได้วางไว้ตรงนั้นก่อน แล้วโปรดอย่าพูดต่อด้วย พ่อสุดที่รัก”
แต่ท่านเศรษฐีกลับกราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ข้าพระองค์รู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายมาก เพราะเขามีท่าทางดูดีเป็นพิเศษกว่าทุกวัน” พระบรมศาสดาทราบอยู่แล้ว แต่ก็ทรงถามเพื่อจะปรารภเหตุให้ได้แสดงธรรม “อะไรหรือท่านเศรษฐี เรื่องอะไรหรือ” เลยเน้นเข้าไปอีก
ในวันก่อนข้าพระองค์ได้บอกบุตรชายว่า “ถ้าเจ้าสมาทานอุโบสถศีลแล้วไปวัด จะให้เงิน ๑๐๐ กหาปณะ พอวันรุ่งขึ้นเขากลับมายังไม่ได้รับเงินก็ไม่ยอมรับประทานอาหาร แต่มาวันนี้ข้าพระองค์ให้เงินแก่บุตร แต่เขากลับไม่ต้องการ”
“ใช่แล้วท่านเศรษฐี บัดนี้บุตรชายของท่านได้บรรลุโสดาปัตติผล ซึ่งประเสริฐกว่าสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ประเสริฐกว่าสมบัติใดๆ ในเทวโลก ตลอดจนถึงพรหมโลก” เรียกว่าในภพทั้ง ๓ สมบัติใดๆ ทั้งหมดไม่ประเสริฐเท่าการบรรลุธรรม เพราะบุคคลที่บรรลุโสดาปัตติผลย่อมเป็นผู้ที่ปิดประตูอบายภูมิได้ แล้วจะเกิดอีกไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้มีคติแน่นอน คือ หลุดพ้นจากวัฎฎะ ส่วนความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิได้ปกครองทวีปทั้ง ๔ ที่อยู่รอบเขาพระสุเมรุนั่น เมื่อสวรรคตแล้วย่อมไปสู่สุคติ เสวยทิพยสมบัติ แวดล้อมด้วยเหล่านางอัปสร พร้อมบำรุงบำเรอด้วยเบญจกามคุณ แต่ก็ยังวนๆ เวียนๆ อยู่ในวัฏสงสาร ถ้าหากพระเจ้าจักรพรรดิไม่ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการแล้ว ย่อมไม่พ้นจากนรก คือ ถ้าทำชั่วก็ยังต้องไปอบาย ย่อมไปเกิดในภูมิแห่งสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย อบาย ทุคติ วินิบาต พระเจ้าจักรพรรดิถ้าทำชั่วแล้วก็ต้องไปเกิดในอบายภูมิ ๔
ส่วนพระอริยสาวก แม้จะนุ่งห่มผ้าบังสุกุลจีวร ยังชีพด้วยการบิณฑบาตด้วยลำแข้งของตน นุ่งห่มผ้าที่เขาทิ้งแล้ว เอามาซัก เอามาเย็บ เอามาย้อม เอามาอธิษฐานจิต แล้วก็ยังชีพอยู่ด้วยการบิณฑบาตด้วยลำแข้งของตน แต่ท่านประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ คือ
๑. มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า โดยระลึกถึงพระพุทธคุณ
๒. มีความเลื่อมใสในพระธรรม โดยระลึกถึงพระธรรมคุณ
๓. มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ โดยระลึกถึงพระสังฆคุณ
๔. มีศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย
อริยสาวกนั้นจึงเป็นผู้รอดพ้นจากนรก ไม่ไปเกิดในสัตว์เดรัจฉานหรือภูมิแห่งเปรต ไม่ไปเกิดในภูมิแห่งอสุรกาย ทุคติ วินิบาต
พระพุทธเจ้าท่านพูดเรื่องนรกสวรรค์ตลอด จะกล่าวตู่ว่า นรก สวรรค์ไม่มี ไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นพุทธบริษัท ๔ จะต้องมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เมื่อเรายังไม่เห็นก็ต้องเชื่อพระปัญญาตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปก่อน และหลังจากนั้นเราไปพิสูจน์กัน พิสูจน์ด้วยพุทธวิธี
ดังนั้น บุตรชายของท่านผู้เป็นอริยสาวก ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ จึงประเสริฐกว่าราชสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิด้วยประการทั้งปวง คือ พระองค์กำลังจะตรัสบอกกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า ที่บุตรชายไม่รับเงิน ๑, ๐๐๐ กหาปณะ เพราะว่าบัดนี้เธอได้เป็นพระอริยบุคคล เป็นพระโสดาบันแล้ว
ในการจบพระธรรมเทศนา ชนเป็นอันมากได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผล เป็นต้น