ลูกเคยเห็นคนที่บอกว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ แต่บางทีก็ยังไปนับถือพวกเข้าทรง พวกทำนายทายทักต่างๆ แล้วชาวพุทธที่แท้จริงเป็นอย่างไรเจ้าคะ ?
สิ่งที่ชาวพุทธจะต้องรู้ในขั้นต้น เพื่อจะได้ทำตัวให้สมกับที่ตัวเองเป็นชาวพุทธที่แท้จริง คือ
๑. ต้องรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประเสริฐล้ำเลิศเพียงใด พูดภาษาชาวบ้านก็คือ ต้องรู้ว่าสมเด็จพ่อของเราดีอย่างไรนั่นเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประเสริฐ จนกระทั่งไม่มีใครเทียบได้ ดังนี้
ประการที่ ๑มีพระปัญญาเป็นเลิศ เหตุที่พระพุทธองค์ทรงมีปัญญาเป็นเลิศนั้น ก็เพราะทรงเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ที่แท้จริง มาข้ามภพข้ามชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยการทำความเพียรทางใจอย่างยิ่งยวด จนกระทั่งในที่สุดได้ตรัสรู้ธรรม คือ ทรงรู้ความเป็นจริง ของโลก ของชีวิต ของสรรพสิ่งทั้งหลาย
ประการที่ ๒ มีความบริสุทธิ์เป็นเลิศ ตั้งแต่ก่อนตรัสรู้ พระพุทธองค์ก็ทรงบริสุทธิ์ด้วย กาย วาจาและใจ คือ ไม่คิดร้าย ไม่พูดร้าย ไม่ทำร้ายใคร ยิ่งเมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ยิ่งมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากมีความบริสุทธิ์ด้วยพระองค์เองแล้ว ยังทรงเคี่ยวเข็ญให้ชาวโลกทั้งหลาย มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้ง กาย วาจาและใจ ตามพระองค์ไปด้วย ซึ่งนอกจากสมเด็จพ่อของเราแล้ว ไม่เคยมีศาสดาใดในโลกทำได้เลย
ประการที่ ๓ มีพระมหากรุณาเป็นเลิศ หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ก็ทรงตระเวนอบรมสั่งสอนชาวโลกทั้งหลาย ให้ศึกษาและปฏิบัติธรรม ตามที่พระองค์ทรงค้นพบ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ว่าใครจะโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างไร ก็พยายามเคี่ยวเข็ญแล้วเคี่ยวเข็ญอีก เพื่อจะให้เขารู้ตามพระองค์ให้ได้
๒. เมื่อรู้ว่าสมเด็จพ่อของเราดีอย่างไรแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ พยายามทำตัวให้ดีเหมือนพระพุทธองค์ ไม่ว่าจะทำได้ในระดับใดก็ตาม
๓.นำความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปประกาศให้ชาวโลกรู้ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นการเผยแผ่คำสอน หรือเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็ได้ เพื่อเขาจะได้ทำความดีตามอย่างเราบ้าง
เพราะถึงแม้ว่าสมเด็จพ่อของเราจะทรงประเสริฐล้ำเลิศเพียงใด ก็ยังไม่วายที่จะถูกคนพาลมากลั่นแกล้ง มาบดบังความดีของพระองค์ ทั้งๆ ที่บดบังไม่มิด กลั่นแกล้งทำลายไม่ได้ แต่ถ้าหากคนรุ่นหลังตามไม่ทัน ก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดไปได้
๔.ตั้งใจรักษาคำสอนของพระพุทธองค์เอาไว้ อย่าให้ใครมาบิดเบือนได้ ตลอดจนวัดวาอารามซึ่งเป็นแหล่งผลิตคนดี เป็นแหล่งเผยแผ่คำสอนในพระพุทธศาสนา นอกจากจะรักษาเอาไว้อย่างดีแล้ว ยังต้องช่วยกันขยายให้กว้างไกลออกไปอีกด้วย
ทั้ง ๔ ประการนี้ คือหลักการเบื้องต้นง่ายๆ ของชาวพุทธ เพราะฉะนั้น เมื่อรักจะเป็นชาวพุทธที่ดี ก็เลยต้องมีหน้าที่อย่างน้อย ๕ ประการด้วยกัน คือ
๑. ต้องศึกษาค้นคว้าธรรมะจากพระไตรปิฎก ไม่ใช่เอาแต่คนนั้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างนั้น ซึ่งจะทำให้มีโอกาสผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้
ใครคิดว่าตัวเองเป็นชาวพุทธที่แท้จริงล่ะก็ จำเอาไว้เลยว่า ต้องอ่านพระไตรปิฎกให้จบ อย่างน้อยอ่านจบก่อนตายก็ยังดี จะได้ไม่โง่ข้ามชาติ
แต่ถ้าหากได้ศึกษาพระไตรปิฎกจนจบ ขณะที่ร่างกายยังแข็งแรง สุขภาพพลานามัยยังดีอยู่อย่างนี้ ก็จะทำให้ศรัทธาของเรามั่นคง ไม่คลอนแคลน
๒. ขณะที่อ่านพระไตรปิฎก ไม่ว่าจบหรือยังไม่จบก็ตาม ในระหว่างนั้นก็ ตั้งใจสร้างความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง ตามอย่างสมเด็จพ่อของเราไปด้วย
เช่น วันธรรมดาจะทำมาหากินอะไรก็ทำไป แต่ว่าศีล ๕ ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ทั้งไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก ไม่ดื่มเหล้าเมายา
คือ รักษาความเป็นคนของเราเอาไว้ให้ดี หรือว่ามีความรับผิดชอบต่อตัวเองนั่นแหละ แล้ววันโกน วันพระ ก็เปลี่ยนมาเป็นรักษาศีล ๘ บ้าง
๓. ตั้งใจทำสมาธิภาวนาเรื่อยไป ให้ใจใสเป็นแก้ว ใสเป็นเพชร ทุกๆ วัน จนกระทั่งคืนใดถ้ายังไม่ได้นั่งสมาธิให้ใจใสแล้ว ไม่ยอมเข้านอนเด็ดขาด
ตื่นเช้าขึ้นมา ก่อนจะล้างหน้าล้างตา ก็รีบนั่งสมาธิเสียก่อน ทำสมาธิให้ใจใสสักพักหนึ่ง แล้วจะทำอะไรก็ไปทำ
วันหนึ่งโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมะภายใน โอกาสที่จะหมดกิเลส โอกาสที่จะแตกฉานในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเป็นของเราได้ไม่ยาก
๔. ความรู้ดีๆ ที่ค้นคว้าได้จากพระไตรปิฎก จากการรักษาศีลจนสามารถควบคุม กาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ และผลดีที่ได้จากการทำสมาธิภาวนาเป็นประจำ ทั้ง ๓ ประการนี้ เมื่อเรามีแล้วอย่าเก็บเอาไว้เฉยๆ นำไปประกาศให้ชาวโลกเขารู้ว่า บรมครูสมเด็จพ่อของเรานั้นดีจริงๆ
ถ้าใครอยากรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีอย่างไร ไม่ต้องไปดูคนอื่นหรอก ดูที่ตัวข้าพเจ้านี่แหละ ว่าน่ารักปานใด เพราะเราได้ตั้งใจศึกษาปฏิบัติธรรมตามสมเด็จพ่อมาอย่างดี ถึงแม้จะยังดีไม่เท่าพระพุทธองค์ แต่ก็พอจะเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูได้ในยุคนี้ แล้วเขาเองก็มีโอกาสที่จะทำได้ดีอย่างเรา หรืออาจจะดีกว่าเราก็ได้
พูดให้กำลังใจ เพื่อเขาจะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามอย่างเราบ้าง ซึ่งเป็นการนำความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเผยแผ่นั่นเอง
๕. ตั้งใจรักษาสมบัติของสมเด็จพ่อให้ดี คือ ตั้งใจทำบุญทำทาน สนับสนุนและรักษาพระพุทธศาสนากันอย่างเต็มกำลัง
โดยการทำมาหาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ ขยันหา ขยันเก็บเอาไว้ให้ดี แล้วก่อนจะบริโภคใช้สอยทรัพย์นั้น ก็แบ่งไปทำบุญในพระพุทธศาสนาเสียก่อน
และอยากจะฝากเอาไว้ว่า ไม่ต้องไปแสวงหาเนื้อนาบุญที่อื่นอีก ตั้งใจทำบุญในพระพุทธศาสนานี่แหละ เพราะว่าศาสนาอื่นเขาก็มีศาสนิกของเขาดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก
ยกเว้น ถ้าเขาเดือดเนื้อร้อนใจ ตกทุกข์ได้ยาก ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมโลก ก็ช่วยเหลือกันไป ไม่ต้องหวังจะไปเอาบุญอะไร เป็นมนุษย์ด้วยกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันเป็นธรรมดา แต่ว่าถ้าคิดจะเอาบุญ ก็เอาบุญในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
อีกประการหนึ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ สิ่งใดที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรายังแก้ไขเขาไม่ได้ ก็อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย
เช่น พวกผีเจ้าเข้าทรง พฤติกรรมอย่างนั้นอย่าเข้าไปแตะต้อง ถ้าแก้ไขได้ ก็แก้ไขไป แก้ไขไม่ได้ รีบถอยออกมาให้ห่าง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยววิบัติจะติดตัวเรา
เพราะฉะนั้น จำเอาไว้ก็แล้วกันว่าชาวพุทธที่ดี หรือคนที่มีพระพุทธศาสนาอยู่ในหัวใจ ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
๑. ไม่งมงาย คือ ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างดี
๒. ไม่ก้าวร้าวรุนแรง คือ มีศีลบริสุทธิ์
๓. เปี่ยมด้วยน้ำใจไมตรี คือ ไม่แล้งน้ำใจ เมื่อมีความสุข มีความดี ก็แจกจ่ายกันไปทั่วหน้า ใครเดือดเนื้อร้อนใจมาหา ก็เป็นที่พึ่งพาให้ได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือคุณสมบัติของชาวพุทธที่แท้จริง