เรื่องเด่น
เรื่อง : ธัมมยันตี
บ้านกัลยาณมิตร Change the World
...ความดีน่าโฟกัส กับการสร้างสังคมให้เป็นบวก
คุณคิดว่า สังคมเช่นนี้ ไกลตัวคุณไปหรือเปล่า
ก. ไม่น่าเชื่อเลย ติดยาไม่พอ ยังทำร้ายแม่ตัวเองได้ขนาดนี้ ตำรวจจะต้องลากคอมันเข้าคุก ตกนรกหมกไหม้
ข. ไม่น่าเชื่อเลย โอ..เหมือนขึ้นสวรรค์ แค่ยาเม็ดเล็ก ๆ เม็ดเดียว ฮ่า ๆ ๆ
ค. ไม่น่าเชื่อเลย เด็กอะไร แขนขาก็มี ไม่รู้จัก ทำมาหากิน
ง. ไม่น่าเชื่อเลย บ้านติดกันแท้ ๆ ไม่เคยคุยกันสักครั้ง แค่ชื่อยังจำผิด ๆ ถูก ๆ
คำพูดคำจาเหล่านี้ แม้จะลากไปถึง ตัว ฮ. ก็ยังคงมีอีกเหลือแหล่ ทุกตัวเลือกไม่มีใครอยากตอบว่า ใช่ แม้หลายครั้งจะรู้ว่าเป็น ความจริง แต่ยังมีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอต้องอุทานว่า ไม่น่าเชื่อ เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อเลย เพียงแค่เราชวนเขามา มันจะมีความสุขได้มากขนาดนี้ เป็นความสุขที่บอกไม่ถูกเลย คนอย่างเธอกำลังพบเรื่องราวที่แตกต่าง แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ ชวนใครไปทำอะไร แล้วความสุขอย่างที่ว่าเป็นอย่างไร นี่คือเรื่องราวของคุณครูท่านหนึ่ง ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความชั่วในสังคม และคอยเป็นแสงสว่างให้แก่ศิษย์ทั้งในห้องเรียนและในชีวิตของพวกเขา
เครือวัลย์ แสนปัญญา ด้วยวัย ๔๙ ปีที่ยังพอมีแรง เธอ ซึ่งใคร ๆ ในหมู่บ้านรู้จักกัน ในชื่อ ครูยก เพิ่งจะตัดสินใจยกบ้านของตัวเองให้เป็นบ้านกัลยาณมิตรเมื่อไม่นานนี้...
จริง ๆ แล้ว ครูยก เพิ่งจบการอบรมอุบาสิกาแก้ว รุ่น ๑ ล้านคน ของวัดพระธรรมกายไปหมาด ๆ แต่หลังจากได้ทราบว่า พระเดช-พระคุณหลวงพ่อธัมมชโยต้องการให้บรรดา ยอดหญิงหัวใจพระเช่นเธอ กลับไปทำหน้าที่ชักชวนคนรอบข้างให้มาทำความดีร่วมกัน ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าของเรื่องราวนักพัฒนาตัวอย่างบนเส้นทางวิถีพุทธ
พอจบโครงการบวชอุบาสิกาแก้วปุ๊บ ก็เปิดบ้านกัลยาณมิตรปั๊บ รีบออกประชาสัมพันธ์ เชิญชวนทั้งกลุ่ม อสม. แม่บ้าน ครูประจำชั้น นักเรียน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายกเทศมนตรี รวมถึงคณะสงฆ์วัดใกล้บ้านด้วย เธอยอมใช้เวลาที่ควรจะทำอะไรเพื่อตัวเอง ไปเป็นแสงสว่างแก่ ผู้อื่นอย่างสมัครใจ แม้จะดูเหมือนหว่านแหเผื่อจะพบคนดี ๆ ที่คุยกันรู้เรื่อง แต่เอาเข้าจริงเธอเองแทบไม่เชื่อเลยว่าทุกที่ที่ไป ทำไมถึงได้รับการต้อนรับและมีแต่คนให้ความร่วมมือ
มาปฏิบัติธรรมกันล้นหลามจนพื้นที่ในบ้านไม่เพียงพอ ต้องออกไปปฏิบัติธรรมนอกบ้าน
เธอเปิดบ้านกัลฯ ทำไม และทุกคนมองเห็นอะไรจากการกระทำนั้น อาจเป็นคำถามของคนที่ไม่เคยรู้จักบ้านกัลยาณมิตรมาก่อน แต่ทว่าคำอธิบายต่าง ๆ อาจมีภาษีเป็นรอง เมื่อเทียบกับประสบการณ์จริง ทุกวันพฤหัสฯ จะมีเด็กนักเรียนในหมู่บ้านมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ มากันเป็นประจำสัก ๑๙ คนได้ แล้วยังมีคุณครู ผู้ปกครอง เพื่อนบ้านที่อุตส่าห์ไปชักชวนมา รวมแล้วกว่า ๓๐ คน เป็นความบังเอิญหรือไม่ มิอาจทราบได้ แต่เธอก็เลือกเอาวันครู (วันพฤหัสบดี) สำหรับสิ่งเหล่านี้ และสำหรับเด็ก ๆ แล้ว การสวดมนต์ นั่งสมาธิ ดูเหมือนเป็นของไกลตัวที่ไม่น่าสนุกเอาเลย แต่เธอก็สามารถชักนำให้บรรดาตัวกะเปี๊ยกหัวเกรียน หันมาลองปฏิบัติกันสักตั้ง
โอ้ หลวงพ่อเจ้าคะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ เพียงแค่เราเปิดบ้านกัลยาณมิตร ชวนคนมาสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว จะมีความสุขได้มากขนาดนี้ บอกไม่ถูกเลยค่ะ ผลที่เกิดขึ้น ทำให้เธอมีโอกาสเขียนจดหมายไปถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทางช่อง DMC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพื่อบอกเล่าความรู้สึกและสิ่งที่เกิดขึ้นในระดับ master piece
Change the World เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการชัดชวนคนใกล้ตัวให้เปิดบ้านกัลยาณมิตร แล้วสิ่งดีๆก็เกิดขึ้นตลอดเวลาเลย
ได้ยินเสียงสวดมนต์ของเด็กๆ ได้เห็นเด็กๆ นั่งสมาธิอย่างตั้งใจ ในฐานะเป็นครูคนหนึ่งแล้ว เป็นความรู้สึกที่ปลื้มปีติใจมาก หลังจากนั่งสมาธิเสร็จ ก็จะให้เด็ก ๆ ดู สื่อธรรมะ ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ สอนพวกเขาให้รู้จักกราบ รู้จักไหว้ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมชาวพุทธที่ต้องปลูกฝัง สอนแม้กระทั่งเรื่องง่าย ๆ ที่จะนำไปใช้ในชีวิต เช่น การพับกล่องนมค่ะ ไม่เพียงแค่นั้น ทุกครั้งก่อนจะขึ้นบ้านไปสวดมนต์ เธอยังตรวจเล็บมือเล็บเท้าของเด็ก ๆ เหมือนอย่างที่บรรดาคุณครูเคยทำในโรงเรียน เพื่อให้รู้จักรักษาความสะอาดของร่างกายควบคู่ไปกับการรักษาความสะอาดของจิตใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่า จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ไม่เด่นดังอะไร กำลังก่อกำเนิดความดีที่ยิ่งใหญ่แก่สังคมเล็กๆ ของเธอเอง
ตอนนี้ เด็กหลาย ๆ คนเปลี่ยนไปในทางที่ดีเยอะมาก ๆ จากเด็กบางคนที่ชอบเถียงพ่อเถียงแม่ ด่าพ่อด่าแม่ ตอนนี้ไม่เถียง อีกแล้ว กลายเป็นคนละคน น่ารัก ว่านอน สอนง่าย และเด็ก ๆ ก็ยังรู้จักการทิ้งขยะให้เป็นที่ ไม่ทิ้งข้าวของโดยเปล่าประโยชน์เหมือนเมื่อก่อน พ่อแม่เด็กทุกคนที่ส่งลูก ๆ มาที่บ้านกัลฯ แห่งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ...สุดยอด โครงการนี้ดีจริง ๆ พอได้ยินแล้วก็มีความสุข ปลื้มมาก รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้สูญเปล่า แต่กลับสร้างคนดีให้แก่สังคม
แต่ก่อน ตอนสอนหนังสือเธอก็เหมือนครูทั่ว ๆ ไป คือ สอนไปแบบวัน ๆ เช้าไปสอน เย็นกลับบ้าน ทำอย่างนี้ทุกวัน ทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยรู้ว่า คุณค่าของมือที่เปื้อนชอล์กนั้นเป็นอย่างไร คำว่าครูที่แท้จริงหมายความว่าอย่างไร แต่หลังจากเข้าอบรมอุบาสิกาแก้วรุ่นล้านและเปิดบ้านกัลยาณมิตรแล้ว เธอก็ได้เจอกับความคิดอีกด้าน ชีวิตมันไม่ใช่แค่ให้ผ่านไปวัน ๆ นะคะ แต่จะทำอย่างไรให้แต่ละวันที่ผ่านไป เป็นวันเวลาที่มีคุณค่าด้วย
ทุกวันนี้ ถ้าครูยกเจอใคร หรือมีใครมาสวดมนต์นั่งสมาธิที่บ้าน ครูยกจะรีบทำหน้าที่กัลยาณมิตรเชิญชวนให้พวกเธอให้ไปอบรมอุบาสิกาแก้วรุ่นต่อไปทันที ซึ่งเธอเปิดเผยว่าชวนได้ ๑๐ คนแล้ว และยังชวนผู้ชายไปบวชแบบตามมาติด ๆ ได้อีก ๗ คน กล่าวได้ว่า เธอกำลังเอาเวลาที่เสียไปให้กลายเป็นกำไรชีวิต จะไม่หยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน แต่จะชวนต่อไปทุกวันให้ได้มากกว่านี้อีกค่ะ เพราะอยากให้คนอื่น ๆ ได้มีโอกาสไปสัมผัสสิ่งดี ๆ จากการบวช อยากให้เขาได้รับความสุขเหมือนอย่างที่เราได้รับ ความสุขจากการให้ และการได้เห็นสังคมรอบ ๆ ตัวเปลี่ยนแปลงจากมือของตัวเอง กำลังตอกย้ำให้เธอเข้าใจเส้นทางของการสร้างบารมีมากยิ่งขึ้น และมุ่งหน้าอยู่บนถนนสายนี้ต่อไปให้ถึงที่สุด ตอนนี้ เธอพบว่า การชักชวนคนอื่นให้ทำความดี กำลังย้อนกลับมาทำให้ชีวิตครอบครัวของตัวเองดีขึ้น พ่อบ้านก็ดีขึ้น และตัวเองกำลังมีความสุข เธอสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาเลยค่ะ
...จะทำอย่างไร ถ้าทุกคนพากันคิดว่า สังคมเป็นของเรา แต่การแก้ไขปัญหาสังคมไม่ใช่เรื่องของเรา จากเรื่องราวเล็ก ๆ ตรงนี้ อาจจุดประกายให้ผู้อ่านอยากกลายเป็น คนบ้านกัลฯ เหมือนอย่างเธอ หรืออย่างน้อยก็ได้มองเห็นว่า สังคมเรายังคงมีแง่มุมดี ๆ ที่น่าค้นหาอยู่อีกมาก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองหาเป็นแบบอย่างหรือจะอยู่เฉย ๆ หากเป็นเช่นนั้น ความสุขที่หลายคนค้นพบและเราเองก็คิดว่าดี คงเป็นความสุขที่เราไม่มีโอกาสได้สัมผัสเลยตลอดชีวิต
บันทึกจากใจผู้เปิดบ้านกัลยาณมิตร
คุณครูยก
(กัลฯ เครือวัลย์ แสนปัญญา)
สอนหนังสือแบบวัน ๆ เช้าไปสอน เย็นกลับบ้าน ทำอย่างนี้ทุกวัน โดย ไม่เคยรู้ว่า คุณค่าของมือที่เปื้อนชอล์กนั้นเป็นอย่างไร แต่หลังจากได้เปิดบ้านกัลยาณมิตรแล้ว จึงได้รู้ว่าการที่ทำให้เด็กเป็นคนดี มีความรู้คู่คุณธรรม คือสิ่งที่ทำให้ครูอย่างเรามีความสุขใจและภูมิใจมากที่สุด