เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์
|
ในระหว่างที่หลวงพ่อเดินคุยงานกับพระมหาเถระและพระอาจารย์ที่รับผิดชอบงานส่วนต่าง ๆ มักจะมีเรื่องที่ไม่ใช่งานโดยตรงแทรกระหว่างการพูดคุยเสมอ เรื่องเหล่านี้ผมเรียกว่าเป็นเรื่องเล็ก ระหว่างการคุยงาน
ถ้าการพูดคุยงานคือเรื่องหลักของการสนทนา เรื่องเล็กที่ว่าก็คือเรื่องรอง
ที่ช่วยเพิ่มสีสันและสร้างบรรยากาศการคุยงานให้ราบรื่นและสดชื่น เรื่องเล็กเหล่านี้มีทั้งแง่มุมสะกิดใจ ชวนให้คิด มีทั้งปกิณกธรรมต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องเก่า ๆ สมัยที่ทีมบุกเบิกได้ช่วยกันเริ่มต้นสร้างวัด
ในฐานะผู้ติดตามที่มีโอกาสได้ยินการสนทนา คงไม่สามารถเลือกที่จะฟังเรื่องเล็กหรือเรื่อง หลักเพียงอย่างเดียว แต่สามารถมีที่จดจำและเก็บเกี่ยวบางเรื่องที่ประทับใจได้ อย่างเรื่องเจ้าขาว
สุนัขตัวหนึ่งที่หลวงพ่อเล่าว่าเป็นสุนัขตัวเดียวที่ท่านจำเป็นต้องเลี้ยงดูจนมันตาย
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเล็ก ๆ อีก ๒ เรื่อง คือเรื่องการปล่อยค้างคาวและคางคก
สมัยก่อนบรรดาฝูงค้างคาวได้พากันไปกินผลของต้นกระทิง แล้วบินมาเกาะข้างฝา จากนั้นเหล่าค้างคาวก็ได้ถ่ายมูลเลอะเทอะ เป็นเหตุให้ต้องมีการจับค้างคาวไปปล่อยนอกวัดภารกิจพิเศษนี้เป็นภาระของพระมหาเถระรูปหนึ่งซึ่งสมัยนั้นท่านยังเป็นอุบาสก
การจับค้างคาวไปปล่อยนอกวัด เป็นเรื่องง่ายในสมัยที่มีทั้งกำลังคน และอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ ในการจับ แต่ในสมัยนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องนี้ได้กลายเป็นเรื่องใหญ่เพิ่มขึ้นเมื่อจับไปปล่อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันได้พากันบินกลับมาเกาะที่ฝาผนังตามเดิม
ยังไม่น่าแปลกที่มันจะบินกลับมาที่เดิมได้ เพราะค้างคาวสามารถบินได้ไกลนับร้อย ๆ กิโลเมตร แต่ที่น่าแปลกใจกว่าคือเรื่องของคางคก ที่นำไปปล่อยไกล ๆ แล้วมันสามารถกลับมาอยู่ที่เดิมได้
หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยที่หลวงพ่อทัตตะท่านยังไม่ได้บวช ได้มาบุกเบิกสร้างวัดคางคกชอบมาซุกอยู่ในรองเท้าของท่าน รุ่งขึ้นท่านจึงจับเอาไปปล่อย ชาวบ้านที่เห็นท่านปล่อยคางคก ได้บอกว่า คอยดู! เดี๋ยวพรุ่งนี้คางคกมันก็กลับมาใหม่ พอรุ่งขึ้นมันกลับมาซุกอยู่ในรองเท้าตามเดิมจริง ๆ
เป็นไปได้อย่างไรที่คางคกจะสามารถจดจำเส้นทางและกระโดด ๆ กลับมาอยู่ที่เดิมได้ที่ซุกอยู่ในรองเท้านี้อาจจะเป็นคนละตัว เพราะหน้าตาทุกตัวก็เหมือน ๆ กันว่าแล้วท่านทำสัญลักษณ์โดยเอาสีแดงมาพ่นหัวคางคก แล้วก็ข้ามคลองนำเอาไปปล่อยไกลมากพอรุ่งขึ้นปรากฏว่าคางคกหัวแดงมันก็กลับมาซุกอยู่ในรองเท้าเหมือนเดิม
เรื่องการจับคางคกไปปล่อยนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่แต่ชี้ชัดได้ว่าเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อที่มันสามารถกลับมายังที่เดิมถูก มาอยู่ในรองเท้าอย่างเดิมได้อย่างไรด้วยความที่มันเป็นคางคกที่มีความเพียรและมีเป้าหมายชัดเจน ท่านเลยต้องปล่อยมันอยู่อย่างนั้นและด้วยเหตุทำนองเดียวกันแบบนี้ ที่ทำให้หลวงพ่อต้องเลี้ยงสุนัขชื่อเจ้าขาวตลอดชีวิต
เจ้าขาวมันเป็นสุนัขชีกอ เวลาที่ญาติโยมมาวัด เมื่อเริ่มนั่งปฏิบัติธรรม มันเที่ยวชอบไปกอดเขาที่ว่ามันชีกอเพราะมันเลือกกอดเฉพาะสาว ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่มันก็ไม่เข้าไปกอด ผู้ชายมันก็ไม่กอดด้วยเหตุนี้เลยต้องจับเอามันไปปล่อย และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้วัดเราไม่มีการเลี้ยงสุนัข
เมื่อได้เอามันไปปล่อยไกลถึงต่างจังหวัดหลายครั้ง มันก็กลับมาได้ทุกครั้งจนในที่สุดหลวงพ่อได้บอกมันเป็นครั้งสุดท้ายว่า ถ้าเอาไปปล่อยครั้งนี้แล้วเจ้าขาวเอ็งสามารถกลับมาได้หลวงพ่อจะเลี้ยงเอ็งไปตลอดชาติ แล้วคราวนี้ก็เอาเจ้าขาวไปปล่อยไกลลิบเลย ปรากฏว่ามันก็ยังกลับมาได้หลวงพ่อเลยต้องเลี้ยงมันไปตลอดชาติ
สมัยนั้นหลวงพ่อจำวัดอยู่ที่วัดปากน้ำ เวลาที่หลวงพ่อมาที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งตอนนั้นยังเป็นศูนย์พุทธจักรฯ มันคอยเป็นตำรวจหลวง เมื่อหลวงพ่อเดินทางมาถึง เจ้าขาวมันจะวิ่งไปรับเหมือน มอเตอร์ไซค์นำขบวน และพอหลวงพ่อจะกลับ เจ้าขาวมันก็จะวิ่งออกนำหน้าเหมือนมอเตอร์ไซค์ มันทำหน้าที่นี้เรื่อยมาจนถึงแรงสุดท้าย
วันตายของเจ้าขาว หลวงพ่อเห็นมันนอนนิ่ง ๆ อยู่กับที่ก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมวันนี้ไม่เห็น เจ้าขาวมันมาเป็นมอเตอร์ไซค์ เมื่อเดินเข้าไปดูมันใกล้ ๆ เห็นมันนอนทำตาพริ้ม ๆ แล้วกระดิกหาง เพียงแค่หลวงพ่อหันหลังให้มันเท่านั้น หันไปชำเลืองดูมันอีกที เจ้าขาวมันตายแล้ว
มันป่วย มันทำท่าจะตาย แต่มันไม่ยอมตาย มันคอยหลวงพ่อไปเห็นมันก่อน เรื่องของเจ้าขาว เรื่องปล่อยค้างคาว และปล่อยคางคก ล้วนแต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่แทรกระหว่างการคุยงาน
แต่เรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้คือเรื่องที่ผมชอบ เหตุผลที่ชอบเพราะ ชอบ สั้น ๆ เท่านี้มันอาจเกี่ยวเนื่องกับอารมณ์และความรู้สึก แต่ที่ผมเลือกจะจดจำคงเป็นเพราะมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่หลวงพ่อใช้เวลาเล่าสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที แต่หลังจากนั้นมันสามารถสร้างความสุขใจให้ทั้งผู้ฟังและผู้เล่าได้ต่อเนื่องมาอีกยาวนาน
โรอัน ดาห์ล นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนได้กล่าวประโยคหนึ่งไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของตนว่า ชีวิตคนเราล้วนประกอบขึ้นด้วยเรื่องใหญ่ ๆ จำนวนน้อย และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมาก
เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เรื่องใดคือเรื่องใหญ่ เรื่องใดคือเรื่องเล็กของเรามีเพียงเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้ให้ความสำคัญและตัดสิน
เรื่องปล่อยค้าวคาว ปล่อยคางคก อาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ชวนขำสำหรับบางคนแต่หากเป็นเราที่เป็นเจ้าของบุญที่ต้องดำเนินการหาวิธีจับค้างคาวตามลำพังคนเดียวไม่มีทั้งอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือและไม่มีอาสาสมัครหรือใครมาช่วยเหมือนในปัจจุบันการนำไปปล่อยในยุคที่การเดินทางคมนาคมไม่สะดวก เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย
บ่อยครั้งที่เราใช้เวลาหมดไปกับเรื่องใหญ่ในชีวิต เพราะเรามุ่งสนใจและให้ความสำคัญเรื่องใหญ่มากเป็นพิเศษ จนลืมให้ความสำคัญกับเรื่องเล็ก
เรื่องเล็กมักเป็นเรื่องที่ทำให้สุขใจ ส่วนเรื่องใหญ่มักเป็นเรื่องที่ทำให้ใจมีทุกข์
เรื่องการป่วยหนัก ผิดหวัง อกหัก ล้มละลาย ไฟไหม้ ถูกปล้น ประสบปัญหาเศรษฐกิจล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตที่เรามุ่งสนใจและเลือกที่จะจดจำ โดยที่เรื่องเล็ก ๆ มากมายเราแทบนึกไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง
สำหรับนักสร้างบารมีตรงกันข้าม ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่พบเจอล้วนแต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ เพราะเราต่างมุ่งให้ความสนใจในเรื่องหลัก ๆ ตามที่หลวงพ่อได้ชี้แนะแนวทางไว้เรื่องใหญ่ของเราคงไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าเรื่องการทำพระนิพพานให้แจ้ง เรื่องการแสวงบุญ และสร้างบารมี
น่าแปลก! เมื่อวันเวลาผ่านไป เรื่องทั้งหลายที่เคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ถึงใหญ่ที่สุดล้วนกลับกลายเป็นเรื่องเล็กหมดทั้งสิ้น
ในแต่ละวันที่เราเติบโตขึ้นและก้าวต่อไปข้างหน้า นับวันยิ่งพบเจอกับเรื่องท้าทายที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้ เราล้วนสามารถผ่านไปได้เหมือนทุกครั้งดังเช่นที่ผ่าน ๆ มา เราจะผ่านไปได้ด้วยพลังใจที่เข้มแข็งและด้วยสติปัญญาของเรา
สุดท้ายเรื่องที่เจอที่เราว่ามันคือเรื่องใหญ่ที่สุด มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กของเราเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งในอนาคต
...........................................