ทบทวนบุญ
เรื่อง : อัญชลี เรืองจิต
วันวิสาขบูชานานาชาติ
สัญลักษณ์แห่งสันติภาพโลก
“แม้เลือดและเนื้อในกายจักแห้งเหือด เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตาม ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ได้รู้เห็นธรรมอันยิ่งแล้ว จักไม่ยอมลุกจากบัลลังก์นี้เป็นอันขาด จักนั่งอบรมกาย วาจา ใจ ให้ละเอียดถึงที่สุดให้ได้”
หลังจากที่พระมหาบุรุษได้บำเพ็ญเพียรมายาวนานถึง ๖ ปี ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ทรงนั่ง คู้บัลลังก์ภายใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ที่แม้สายฟ้าจะผ่าลง ตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ก็ไม่แตกทำลาย โดยทรงตั้งสัตยาธิษฐานเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้ได้มาซึ่งการบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เมื่อทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว บังเกิดความสว่างไสวไกลไปถึงหมื่นโลกธาตุ และมีบุพนิมิตทั้ง ๓๒ ประการปรากฏขึ้น
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานกว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว แต่มรดกธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ ยังเป็นศาสดาแทนพระองค์จวบจนกระทั่งปัจจุบัน และมีเหล่าศาสน-ทายาทเกิดขึ้นมากมาย ดุจดังดวงประทีปที่จุดต่อความสว่างเรื่อยไปไม่ขาดสาย จากรุ่นสู่รุ่น
ในวโรกาสวันวิสาขบูชา ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีผู้จัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาล วันวิสาขบูชาขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งวารสารอยู่ในบุญขอนำกิจกรรมเหล่านั้นมานำเสนอแก่ทุกท่าน เพื่อยังความปลื้มปีติใจโดยทั่วหน้ากัน
หลังจากชาวพุทธในมองโกเลียร่วมกันจัดพิธีจุดวิสาขประทีปมาแล้ว ๖ ครั้ง “พิธีจุดวิสาขประทีปและลอยโคมถวายเป็นพุทธบูชา” ก็กลายเป็นวัฒนธรรมชาวพุทธในประเทศมองโกเลียไปโดยปริยาย เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พุทธศาสนิกชนชาวมองโกลจะเริ่มรู้แล้วว่า ควรบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการจุดประทีปและลอยโคม อธิษฐานจิตขอพรให้ครอบครัว ซึ่งนับเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งที่สัญญาณแห่งสันติภาพอันแท้จริงได้หยั่งรากลงในประเทศมองโกเลียอย่างมั่นคงแล้ว
การจัดงานจุดวิสาขประทีปและลอยโคมเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชาปีนี้ จัดขึ้นในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ประเทศมองโกเลีย โดยก่อนวันงานมีนักศึกษาอาสาสมัครมาช่วยเตรียมงานหลายร้อยชีวิต
ในวันงาน มีชาวมองโกลจากทั่วสารทิศไปร่วมพิธีจุดวิสาขประทีปอย่างเนืองแน่น จนพื้นที่ในสนามฟุตบอลคลาคล่ำไปด้วยผู้คนภายในระยะเวลาไม่นาน และล้นออกมานอกสนามฟุตบอลในที่สุด ผู้ที่เข้าไปไม่ได้ ก็ใช้โคมของตนเองที่เตรียมมายืนรอปล่อยโคมพร้อมกันอยู่นอกสนาม
ในเทศกาลวันวิสาขบูชานี้ นอกจากงานที่สนามกีฬาแห่งชาติแล้ว วัดวาอารามหลายแห่งในมองโกเลียก็จัดให้มีพิธีลอยโคมวิสาขประทีปขึ้นอย่างกว้างขวาง
เมื่อถึงวันงาน ชาวมองโกลหลายท่านสวมใส่ชุดประจำชาติมาอย่างเต็มยศ ตั้งใจ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา จุดโคมขอพร รวมทั้งกล่าวคำแสดงตนเป็นพุทธมามกะ เพื่อตอกย้ำว่าพวกเขาจะนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุดไปจนตลอดชีวิต นอกจากนี้ผู้ร่วมงานยังอุทิศบุญกุศลในครั้งนี้แก่บรรพบุรุษผู้สร้างชาติด้วย ทำให้บรรยากาศดูสงบ ศักดิ์สิทธิ์ น่าประทับใจอย่างยิ่ง
วันวิสาขบูชา ณ ประเทศสิงคโปร์
การจัดงานวิสาขบูชา ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ พฤษภาคม ที่ผ่านมา จัดขึ้นที่ถนนคนเดินในบริเวณศูนย์กลางความเจริญของประเทศ ด้านหนึ่งติดกับสถานีรถไฟฟ้าเซิ่งกั่ง อีกด้านหนึ่งเป็นห้างคอมพาสพ้อยต์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ทำให้มีผู้คนทุกเพศทุกวัยเข้ามาชมนิทรรศการ พุทธประวัติไม่ต่ำกว่าวันละ ๓,๐๐๐ คน
ภายในเต็นท์ยักษ์ครอบคลุมพื้นที่ ๑ ไร่เศษ ที่ทีมงานประดับประดาตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามนั้น มีทั้งนิทรรศการพุทธประวัติ ซุ้มสรงน้ำพระ พื้นที่ถวายดอกบัว ถวายดวงประทีปบูชา พระบรมสารีริกธาตุ ในทุกส่วนมีอาสาสมัครคอยให้ความรู้อย่างใกล้ชิด เพราะมุ่งหวังให้ผู้มาร่วมงานรู้จักว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร และมีความสำคัญอย่างไร นอกจากนี้ยังมีการปูพื้นฐานเรื่องบุญ-บาปแก่ผู้ร่วมงาน พร้อมทั้งจัดช่วงเวลานั่งสมาธิไว้ให้ ซึ่งปรากฏว่า มีชาวสิงคโปร์เข้ามานั่งสมาธิทุกวันอย่างต่อเนื่อง
การจัดงานครั้งนี้ พระเดชพระคุณพระเทพสิทธิวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสิงคโปร์ เมตตาไปเป็นผู้นำคณะกรรมการสมัชชาสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และได้รับเกียรติจากประธาน ฝ่ายฆราวาส คือ คุณมารุต จิตรปฏิมา เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศสิงคโปร์ และประธานกิตติมศักดิ์ คุณเตียว เซอลัค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ประเทศสิงคโปร์ เข้าร่วมกิจกรรมทุกพื้นที่ของงาน ซึ่งทั้ง ๒ ท่าน มีความประทับใจมากจนถึงกับเอ่ยปากให้จัดงานนี้เป็นประจำทุกปี
วันวิสาขบูชา ณ ประเทศฟิลิปปินส์
ในวันวิสาขบูชาที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สถาบันสมาธิทางสายกลางและชาวฟิลิปปินส์ ร่วมกันจัดงานจุดประทีปและลอยโคมเพื่อสันติภาพโลก (The Light of Peace Event) ภายในสนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ วิซาย่า ประเทศฟิลิปปินส์
ในการเตรียมงานมีทีมงานจากเมืองไทยไปช่วยทั้งด้านพิธีกรรม สถานที่ และการออกเชิญชวนแจ้งข่าวให้ชาวฟิลิปปินส์ไปร่วมงาน และมีอาสาสมัครชาวท้องถิ่นนับพันคนไปช่วยจัดสถานที่ปักโคม ประกอบไส้เทียน นับโคมลอยใส่ถุง บรรยากาศการเตรียมงานเป็นไปอย่างเบิกบาน และถึงแม้ว่าต้องเตรียมงานหนักแค่ไหน ทีมงานก็ไม่ลืมที่จะไปแนะนำให้ชาวฟิลิปปินส์รู้จักวิธีสร้างความสุขที่แท้จริงให้แก่ตนเองด้วยการทำสมาธิ โดยทีมงานได้จัดสัมมนาสอนสมาธิเบื้องต้นให้แก่ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งปรากฏว่ามีชาวฟิลิปปินส์ให้ความสนใจมาฝึกสมาธิเป็นจำนวนมาก และบางท่านยังกล่าวว่า ถ้ามีโอกาสจะตามไปฝึกสมาธิต่อที่เมืองไทย จึงนับได้ว่า การจัดงานลอยโคมครั้งประวัติศาสตร์นี้ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้พี่น้องชาวฟิลิปปินส์รู้จักการเข้าถึงสันติสุขภายในด้วยสมาธิได้เป็นอย่างดี ซึ่งในอนาคตจะทำให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า สันติภาพที่แท้จริงที่ทุกคนแสวงหานั้นอยู่ในตัวของทุกคน
งานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนมากจนกระทั่งบัตรเข้าร่วมงานกว่า ๑๓,๐๐๐ ใบ หมดเกลี้ยงก่อนถึงวันงาน ทำให้บรรยากาศในวันงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีผู้ร่วมงานทยอยเดินทางไปถึงสถานที่จัดงานตั้งแต่บ่ายโมง และต่อแถวกันยาวเป็นกิโลเมตรเพื่อรอเข้าไปในงาน นอกจากนี้ยังมีกองทัพสื่อมวลชนจากทุกแขนงเดินทางไปร่วมงาน พร้อมทั้งบุคคลสำคัญของประเทศฟิลิปปินส์อีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว มีการกล่าวสาส์นแห่งสันติภาพจากพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ผู้ก่อตั้งและองค์ประธานของสถาบันสมาธิทางสายกลาง (MMI) ซึ่งชาวฟิลิปปินส์กว่าหมื่นคนต่างซาบซึ้งในถ้อยคำแห่งสันติภาพที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน และแสดงความประทับใจด้วยการปรบมือเสียงดังกึกก้อง
จากนั้นผู้ร่วมงานนั่งสมาธิร่วมกันประมาณ ๒๐ นาที ภายใต้บรรยากาศที่สงบเงียบ และเมื่อใจของทุกคนใสสว่างดีแล้ว ผู้นำศาสนาทุกท่านก็เริ่มจุดโคมลาน เพื่อส่งต่อแสงแห่ง สันติภาพไปยังผู้ร่วมงาน จนสนามฟุตบอล กลายเป็นทะเลโคมที่สว่างไสว และเมื่อถึงเวลา อันสมควร โคมลอยทุกดวงก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ท่ามกลางเสียงเพลง “With True Love from Pinoy” ของตะวันธรรม
เมื่อถึงเวลาประกาศผลการนับจำนวนโคมลอย ตัวแทนจากกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ได้ขึ้นมาประกาศว่า โคมที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้านั้นมีจำนวนถึง ๑๕,๑๘๕ โคม ซึ่งเป็นการสร้างสถิติใหม่ของการลอยโคมพร้อมกันมากที่สุดในโลก ลบสถิติเดิมของ “กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด” ที่เคยทำไว้จำนวน ๑๒,๗๔๐ โคม ที่ประเทศโรมาเนีย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕
วันวิสาขบูชาเป็นวันที่พวกเราพุทธบริษัทควรจะชักชวนชาวดลกให้มาเจริญพุทธานุสติ ระลึกถึงหนทางการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย และมาศึกษาหลักธรรมที่ทรงประทานไว้ เพื่อเป็นประทีปธรรมนำทางชีวิต นอกจากนี้ยังควรมาร่วมกันจุดประทีปอันสว่างไสว เดิมเวียนประทักษิณรอบพุทธเจดีย์เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ให้ภายนอกสว่างไสวด้วยแสงเทียน ภายในกลางใจสว่างด้วยแสงธรรม