เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
พระสมณโคดมพุทธเจ้าในยุคสมัยของเรา พระองค์ได้สร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ครบถ้วนบริบูรณ์ ใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป
พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สร้างบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ จนครบถ้วนบริบูรณ์ ใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขย กับอีกแสนมหากัป พระพุทธองค์ทรงตั้งความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งแรก เมื่อ ๒๐ อสงไขย กับอีกแสนมหากัปที่แล้ว ในครั้งที่เสวยพระชาติเป็นมาณพหนุ่มผู้ยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง
เพราะฉะนั้น เราไปเห็นใครที่มีฐานะยากจน อย่าไปดูหมิ่นเขา เพราะอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปในอนาคตก็ได้ เหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์นี้ ที่เริ่มต้นชีวิตก่อนที่จะมาเป็นพระบรมศาสดาด้วยชีวิตที่ลำบากยากจน เข็ญใจ เกิดในสังคมเกษตรกรรม
เรื่องมีอยู่ว่า มีมาณพหนุ่มท่านหนึ่งมีความกตัญญูรู้คุณ ฐานะทางบ้านยากจน ต้องทำงานเลี้ยงดูมารดาบิดา เมื่อมารดาบิดาแก่แล้วจึงคิดจะหาคู่ครองให้กับมาณพนั้นตามประเพณี เพราะอยากเห็นหลาน แล้วก็อยากให้ลูกมีแม่บ้านมาช่วยผ่อนแรง แต่มาณพนั้นไม่ได้มีความปรารถนาด้วยประมาณตนว่า เรามีฐานะยากจน ครั้นมารดาบิดารบเร้าอยู่เสมอ เพื่อให้มาณพนั้นแต่งงานเร็วๆ แต่มาณพนั้น กลับกล่าวว่า "ครอบครัวเราน่ะยากจนยิ่งนัก ไม่มีสมบัติมีค่าอะไรเลย ลูกไม่อยากมีครอบครัว แต่อยากจะเลี้ยงดูบิดามารดาจนกว่าชีวิตจะ หาไม่" พ่อแม่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ตามใจลูก มาณพนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงดูมารดาบิดาต่อไป
ต่อมาไม่นาน บิดาก็ถึงแก่กรรมเพราะ โรคชรา มาณพนั้นก็เลี้ยงดูมารดาของตนเองเป็นอย่างดี ทำงานหนักกว่าเดิม โดยได้เที่ยวไปหาของป่ามาขาย เมื่อได้เงินมาก็นำมาให้มารดาไว้ใช้สอย
วันหนึ่ง ขณะเดินทางกลับจากป่า ได้เห็นเรือสำเภาจอดอยู่ที่ท่าเรือ ก็เกิดความคิดว่า เรา ยังหนุ่มยังแน่นยังมีเรี่ยวแรงที่จะทำอาชีพที่ดีกว่านี้ หาเงินได้มากกว่า การเก็บของป่ามาขาย ถ้าเราได้ไปทำงานบนเรือสำเภาก็คงจะสามารถเลี้ยงดูมารดาได้ดีขึ้น แล้วเมื่อไปถึงเมืองอื่น ที่มีช่องทาง ทำมาหากินที่ดี เรากับมารดาจะได้ไปตั้งรกรากกันที่นั่น
คิดดังนั้นแล้วมาณพก็เข้าไปหาเจ้าของเรือสำเภา ซึ่งเป็นพ่อค้าใหญ่ แล้วก็กล่าวว่า "ข้าแต่นาย ข้าพเจ้าเป็นคนยากจน จะมาขอทำงานรับใช้ท่านด้วยความซื่อสัตย์สุจริต"
พ่อค้าได้ฟังคำของมาณพนั้นแล้ว ด้วยความสงสาร และเห็นว่ามาณพนั้น มีรูปร่าง แข็งแรงสมบูรณ์ สามารถที่จะช่วยงานได้อย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจรับเข้าทำงาน
มาณพได้กล่าวกับพ่อค้าต่อไปอีกว่า "ข้าพเจ้าขอความเมตตาจากท่านอีกเรื่องหนึ่ง คือว่า มารดาของข้าพเจ้ามีอายุมากแล้ว ถ้าอยู่ ที่นี่ก็จะไม่มีใครเลี้ยงดูท่าน เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีญาติพี่น้องในที่นี้เลย ข้าพเจ้าไม่อาจจะทิ้งมารดาไว้คนเดียวได้ ดังนั้นจึงอยากจะขอความเมตตาจากท่าน ขอพามารดาไปด้วย"
พ่อค้าตอบว่า"เจ้าเป็นคนมีความกตัญญู รู้คุณต่อมารดาบิดา เราอนุญาตให้เจ้าพามารดาไปด้วยได้" มาณพนั้นดีใจมาก รีบเดินทางกลับไปบ้าน เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาฟัง พร้อมกับเก็บข้าวเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางไปกับพ่อค้านั้นทันที มาณพนั้นได้พามารดาไปหาพ่อค้า แล้วก็พาขึ้นเรือสำเภา
ครั้นได้เวลาเรือออกจากท่า เพื่อไปค้าขาย ณ เมืองอื่น พ่อค้านั้นได้มอบหมายหน้าที่การงานให้แก่มาณพหนุ่มนั้น ตามกำลังความสามารถ มาณพนั้นก็ได้ทำงานทุกอย่างที่รับมอบหมายอย่างเต็มที่เต็มกำลังของตนเป็นอย่างดี แล้วก็ได้เลี้ยงดูมารดาของตนโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
ในขณะอยู่บนเรือสำเภาก็ได้ดูแลมารดาไปด้วยทำงานบนเรือไปด้วยนั้น เมื่อเรือสำเภาแล่นไปกลางมหาสมุทรได้ ๗ วัน ลมพายุฝนใหญ่ได้ตั้งขึ้น ขณะนั้นคนในเรือพากันหวาดกลัวต่อ มรณภัยที่จะเกิดขึ้น ต่างพากันเก็บข้าวของที่มีค่าของตน
อะไรจะเกิดขึ้นกับเรือลำนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปในฉบับหน้า