เรื่องที่ ๒๘๗เรื่องของน้องนุก
น้องนุกอายุ ๒ ขวบกว่า ชี้ไปที่ภาพพระมหาสิริราชธาตุแล้วพูดว่า "พระพูดได้ พระพูดได้ พระมาพูดกับหนูเมื่อคืน"
ด.ญ.กนกรัชต์ แก้วมณี
หรือน้องนุก |
|
คุณลัดดาวรรณ ลาภอนันต์นพคุณ อยู่เขตจอมทอง กรุงเทพฯ เล่าว่าเธอเคยเข้าวัดครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนมัธยม แล้วหลังจากนั้นไม่ได้มาตั้งหลายปี จนช่วงหลังที่ทางวัดได้มีการทำบุญใหญ่มีการสร้างพระประจำตัวประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ครอบครัวของเธอ ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ก็ได้มาร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัวกันทั้งครอบครัว
คุณลัดดาวรรณมีบุตร ๒ คน คือ ด.ญ.วราภรณ์ แก้วมณี หรือน้องแนน และ ด.ญ.กนกรัชต์ แก้วมณี หรือน้องนุก น้องนุกปัจจุบันมีอายุ ๒ ขวบ ๘ เดือน เป็นเด็กที่ชอบสวดมนต์และนั่งสมาธิ คุณลัดดาวรรณกล่าวว่า เวลาเธอสวดสรรเสริญ พระมหาสิริราชธาตุ หรือเปิดเทปสวดสรรเสริญนั้น พอน้องนุกได้ยินก็จะวิ่งมานั่งสมาธิด้วย และจากนั้นก็็จะวิ่งไปเล่นซุกซนตามประสาเด็กต่อ บางครั้งน้องนุกก็คว้าหนังสือสวดมนต์ มาชวนเธอไปสวดมนต์ ซึ่งเธอก็ต้องทิ้งงานที่กำลังทำอยู่ เพื่อไปสวดมนต์กับลูก น้องนุกก็จะสวดอยู่สักพักหนึ่งก็จะหนีไปเล่นต่อ และปล่อยให้เธอสวดมนต์อยู่คนเดียวจนจบ ซึ่งคุณลัดดาวรรณกล่าวว่า น้องนุกมักจะพบอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุเป็นประจำ ซึ่งส่งผลให้เธอและครอบครัวศรัทธาและเชื่อมั่นในอานุภาพของพระรัตนตรัยเป็นอย่างมาก
เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๑ พี่สาวและน้องสาวของเธอได้ไปรับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุรุ่นกรอบทองพญานาค จากการสร้างพระแกนกลาง จารึกชื่อพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ วันนั้นน้องนุกป่วยนอนอยู่ในห้องที่บ้าน ประมาณ ๔ โมงเย็นน้องนุกตื่นขึ้นมา ก็นอนลืมตามองเพดานห้อง ในลักษณะนิ่งค้างเหมือนเด็กช็อค เธอตกใจมากคิดว่าอาการหนัก เพราะเวลาน้องนุกไม่สบายทีไรอาการจะหนักทุกครั้ง มักจะหอบจนหน้าซีด เธอจึงถามว่า "นุกเป็นอะไร" น้องนุกตอบว่า "แม่เห็นไหม พระเต็มห้องเลย" พร้อมกับชี้ไปรอบ ๆ ห้อง เธอจึงนำภาพพระมหาสิริราชธาตุและภาพพระธรรมกายประจำตัวมาให้ดูแล้วถามว่า "เป็นพระแบบไหน?" น้องนุกก็ชี้ไปที่ภาพพระมหาสิริราชธาตุ แล้วกล่าวว่า "พระอย่างนี้เต็มห้องเลย" ซึ่งคุณลัดดาวรรณกล่าวว่า "เป็นเรื่องแปลกนะคะ เพราะขณะนั้นพี่สาวและน้องสาวของดิฉันยังเดินทางมาไม่ถึงบ้าน แต่พระมหาสิริราชธาตุได้เดินทางมาถึงก่อน น้องนุกซึ่งเป็นเด็กในขณะนั้น อายุแค่ ๒ ขวบกว่า ได้เห็นก่อนใครในบ้านเลย"
คุณลัดดาวรรณ, น้องนุก (คนกลาง) และน้องแนน (คนขวาสุด)
|
|
คุณลัดดาวรรณ กล่าวว่า น้องนุกนั้นจะฝันถึงพระเป็นประจำซึ่งเมื่อฝันแล้วน้องนุกก็จะมาเล่าให้เธอฟังเป็นประจำ เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง น้องนุกได้ฝันเห็นพระมหาสิริราชธาตุมาหาและพูดคุยด้วย โดยตื่นเช้าขึ้นมา น้องนุกได้ชี้ไปที่ภาพพระมหาสิริราชธาตุแล้วพูดว่า "พระพูดได้ พระพูดได้ พระมาพูดกับน้องนุกเมื่อคืน" เมื่อเธอพาน้องนุก มาวัดพระธรรมกาย ในขณะที่รถกำลังแล่นเข้าเขตวัด น้องนุกก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า "นี่ไงวัดพระธรรมกาย มีพระพูดได้" ทั้งๆ ที่เธอก็เคยพาน้องนุกไปวัดแถวบ้าน ก็ไม่เคยเห็นน้องนุกพูดอะไรแบบนี้เลย และเมืื่อมาในบริเวณวัด น้องนุกก็ไปวิ่งเล่น แต่แล้วบังเอิญพลาดพลัดตกลงมาจากเครื่องเล่นหัวโน และเมื่อกลับมาที่บ้าน คืนนั้นน้องนุกก็มีอาการไข้และก็หลับไป ตื่นเช้ามาน้องนุกก็มาเล่าให้ฟัง โดยชี้ไปที่ภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่เธอได้บูชาไว้ แล้วบอกว่า "พระองค์นี้ไง เมื่อคืนมาหาหนู แล้วบอกว่า ให้หายไวๆ นะ แล้วมาที่วัดอีกนะ" หลังจากนั้นอาการของน้องนุกก็หายอย่างรวดเร็ว
ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอีกเรื่องคือ น้องนุก เป็นโรคประจำตัวอยู่ คือ โรคหอบหืด เวลาเป็นขึ้นมาจะมีอาการหนักมาก หอบจนหน้าซีด นอนซมอยู่กับที่ เวลาไปหาคุณหมอ คุณหมอจะพ่นยาบ้าง เอาเครื่องมาดูดเสมหะให้บ้าง เป็นแต่ละครั้งกว่าจะหาย กินเวลาเป็นสัปดาห์ แล้วเป็นประจำแทบทุกเดือน จนเธอกลุ้มใจมาก ตั้งแต่เธอได้สร้างพระประจำตัวประดิษฐานภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ จารึกชื่อของน้องนุก อาการของน้องนุกก็ดีขึ้นอย่างอัศจรรย์ สุขภาพร่างกายของน้องนุกก็ดีขึ้นมาก ไม่เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ เวลาเป็นขึ้นมา เธอก็อธิษฐานต่อพระมหาสิริราชธาตุทำน้ำมนต์ให้ดื่ม อาการก็จะทุเลาลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเธอบอกว่า "เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้เครื่องมือดูดเสมหะแล้ว" ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธอเชื่อมั่นและศรัทธาในอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุมากและหมั่นสวดสรรเสริญ และระลึกนึกถึงคุณอันไม่มีประมาณของพระรัตนตรัยอยู่เป็นประจำ