วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ สร้างปัญญาเป็นทีม ตามแบบฉบับของพระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศด้วยปัญญา ตอนที่ ๑ สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น

สร้างปัญญาเป็นทีม
เรื่อง : หลวงพ่อทัตตชีโว

สร้างปัญญาเป็นทีม
ตามแบบฉบับของพระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศด้วยปัญญา
ตอนที่ ๑ สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น

วารสาร , อยู่ในบุญธันวาคม , อานิสงส์แห่งบุญ , นิตยสาร , หนังสือธรรมะ , วัดพระธรรมกาย ,  สร้างปัญญาเป็นทีม , พระสารีบุตร

      โลกยุคนี้มิได้เป็นยุคที่คนหวงแหนความรู้มิได้เป็นยุคที่คนขาดแคลนความรู้ ตรงกันข้ามกลับเป็นยุคที่คนมีความรู้จากทั่วทุกมุมโลกพยายามแข่งขันกันเผยแพร่ความรู้ของตัวเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ตตลอด ๒๔ ชั่วโมงอีกด้วย

     วิธีการเผยแพร่ความรู้ก็ทำได้ง่าย ๆ ใครมีความรู้ใดอยากจะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รู้บ้าง ก็อัปโหลด (Upload) ข้อมูลลงในอินเทอร์เน็ตความรู้นั้นก็จะถูกเผยแพร่กระจายออกไปทั่วโลกทันที ส่วนใครอยากรู้เรื่องใด เมื่อเข้าไปในอินเทอร์เน็ต ก็สามารถค้นหาความรู้เรื่องที่ต้องการนั้น แล้วดาวน์โหลด (Download)มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ทันทีเช่นกัน

    ปริมาณข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายมหาศาลนี้ กลายเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของโลก โดยเปลี่ยนจากโลกยุคเดิมที่คนส่วนมากยังขาดแคลนความรู้ ให้กลายเป็นโลกยุคใหม่ที่มีปริมาณความรู้ล้นท่วมโลกไปแล้ว

       สิ่งที่น่าคิดก็คือ ทั้ง ๆ ที่โลกยุคนี้กลายเป็นยุคที่ความรู้ท่วมโลก แต่ทำไมโลกกลับไม่เคยสงบลงเลยแม้แต่วันเดียว มิหนำซ้ำปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ นับวันมีแต่จะยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณมากขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย อะไรเป็นสาเหตุให้โลกเกิดปัญหาวุ่นวายมากยิ่งขึ้นทั้ง ๆ ที่อยู่ในยุคความรู้ล้นท่วมโลกเช่นนี้


สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น
         สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายทั้งที่อยู่ในยุคความรู้ล้นท่วมโลก มีอยู่ ๓ ประการ คือ

๑. หลักสูตรการศึกษามุ่งเน้นด้านทฤษฎี แต่ขาดบทฝึกสร้างนิสัย
       การจัดการศึกษาของชาติในยุคปัจจุบันมุ่งสร้างคนให้มีความรู้ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการฝึกคนให้มีนิสัยดี ๆ ครั้นเมื่อความรู้ตกไปอยู่ในมือคนพาล ย่อมมีแต่นำความวิบัติเสียหายมาสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะคนพาลมีนิสัยปล่อยให้ใจขุ่นเป็นปรกติ จึงแยกแยะถูก-ผิด ดี-ชั่วไม่ออก เมื่อนำความรู้ไปใช้ก็คิดได้แต่เรื่องประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องของตนเท่านั้นเพราะเหตุนี้ปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ นานาในโลก จึงทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และอาจถึงขั้นทำลายล้างโลกได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว


๒. หลักสูตรการศึกษากำหนดวิธีให้
     ความรู้ด้านแก้ทุกข์ในชีวิตประจำวันไม่สมบูรณ์การศึกษาปัจจุบันมุ่งสอนแต่เรื่องการทำมาหากินเป็นหลัก แต่บกพร่องเรื่องเป้าหมายการศึกษาเกี่ยวกับการดับทุกข์ประจำชีวิต ๔ ประการ ได้แก่ ๑) ทุกข์จากปัญหาสุขภาพกาย ๒) ทุกข์จากปญั หาการอยู่ร่วมกัน ๓) ทุกข์จากปัญหาการเลี้ยงชีพ ๔) ทุกข์จากกิเลสยังผลให้คนที่จบการศึกษาไปแล้วรับมือกับความทุกข์ได้ไม่ครบ รับมือกับความทุกข์ไม่เป็นเมื่อปัญหารุมเร้ารอบด้าน จึงหาทางเอาตัวรอดด้วยการทำอะไรมักง่ายแบบขอไปที โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะตามมา กล่าวได้ว่า ความบกพร่องในเรื่องการวางเป้าหมายการศึกษาเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นในโลกปัจจุบัน


๓. หลักสูตรการศึกษาขาดความรู้พื้นฐานสำคัญสำหรับป้องกันและแก้ทุกข์
       ความรู้ที่แพร่หลายจนล้นท่วมโลกอยู่ในขณะนี้ไม่สามารถป้องกันและดับทุกข์ได้จริงความรู้ที่ใช้ดับทุกข์ได้จริงนั้นคือความรู้จักประมาณ ผู้ที่จะมีความรู้จักประมาณเป็นนิสัยนั้น จะต้องได้รับการอบรมสั่งสอนให้สามารถวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงว่า วัตถุสิ่งของใดคือสิ่งจำเป็นในการยังชีพ (Need) จะขาดเสียไม่ได้ สิ่งใดเป็นเพียงสิ่งที่ต้องการ (Want) หากขาดไปบ้างก็พอทนได้ สิ่งใดเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย (Extravagant) ต้องตัดใจไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะนอกจากจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุแล้ว ยังเสียเวลาในการทำความดีเพื่อชีวิตอีกด้วย

       อย่างไรก็ตาม ถ้าคนเรายังแยกแยะเรื่องพื้นฐานในการดำเนินชีวิตดังกล่าวแล้วไม่ได้ก็ยากที่จะวินิจฉัยเรื่องอื่น ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ว่า สิ่งใดถูก-ผิด สิ่งใดดี-ชั่ว สิ่งใดบุญ-บาปสิ่งใดเป็นประโยชน์-โทษ สิ่งใดควร-ไม่ควรอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ย่อมจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของตนตลอดชีวิต และเป็นต้นเหตุให้ก่อปัญหาความวุ่นวายในโลกเพิ่มขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกด้วย

      ตัวอย่างเช่น คนบนโลกนี้มีอยู่กว่า ๗,๐๐๐ ล้านคน ถ้าหากทุกคนใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่ายปัญหาที่ตามมาก็คือ บ้านทุกหลังจะมีแต่ของเหลือใช้ที่กลายเป็นขยะล้นบ้าน ถ้าบ้านทุกหลังทิ้งขยะออกมาพร้อมกัน โลกก็กลายเป็นถังขยะใบใหญ่ในพริบตา ต่อจากนั้นก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อไปอีก นับตั้งแต่ปัญหาขยะล้นโลกปัญหาทรัพยากรโลกเหลือน้อยลง ปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาขาดแคลนอาหาร ปัญหาโรคระบาด ปัญหามลภาวะ ปัญหาขาดอากาศบริสุทธิ์หายใจ ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม เป็นต้น

      การขาดวินิจฉัยอย่างถูกต้อง นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นแล้ว การใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็สร้างปัญหาสังคมให้เกิดความวุ่นวายเพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน เพราะเมื่อทุกคนใช้จ่ายเกินตัว แต่ละครอบครัวก็จะประสบปัญหาการเงินตามมาทันที เริ่มตั้งแต่ปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาคุณภาพชีวิต ปัญหาสุขอนามัย ปัญหาค่ารักษาพยาบาลแพง ปัญหาคนตกงาน ปัญหานายจ้างลูกจ้างปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการพัฒนาประเทศ เป็นต้น

      ปัญหาความว่นุ วายต่าง ๆ ในโลกที่เพิ่มขึ้นตามมาไม่จบสิ้น เพราะสาเหตุ ๓ ประการดังกล่าวนี้ ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไขให้ถูกวิธี ปัญหาก็จะลุกลามบานปลายกลายเป็นไฟลุกท่วมโลกแล้วก็จะเข้าทำนองคำโบราณที่ใช้เตือนสติว่า “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” หรือหากจะพูดให้เข้ากับยุคสมัยนี้ก็คือ ความรู้ท่วมโลกแต่เอาตัวไม่รอด


 

(อ่านต่อฉบับหน้า)
 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ ๑๗๐ เดือนธันวาคม ๒๕๕๙

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล