อานุภาพ “สัมมา อะระหัง”
เรื่อง : พระบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช
ภาวนา พาสุขใจ
เบื้องต้นของการปฏิบัติสมาธินั้น การบริกรรมภาวนาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะเป็นคุณเครื่องให้ใจของเราหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายได้เร็ว หากเราตั้งใจฟังพระเดชพระคุณหลวงปู่และพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำภาวนา คงเคยได้ยินท่านแนะนำว่าในเบื้องต้นให้เรากำหนดบริกรรมนิมิตและบริกรรมภาวนาคู่กัน แม้ขณะที่เราเคลื่อนใจเข้าสู่ศูนย์กลางกายฐานต่าง ๆ ตั้งแต่ฐานที่ ๑ ถึงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ท่านจะให้ภาวนา “สัมมา อะระหัง” ๓ ครั้ง ก่อนที่จะเคลื่อนไปสู่ฐานต่อไป หากเราทำอย่างนี้ครบถ้วนตามหลักวิชชา ใจเราจะค่อย ๆ ละเอียดนุ่มนวลขึ้น สำหรับคอลัมน์ “สัมมา อะระหัง” ฉบับนี้ มีอานุภาพแห่งการภาวนา“สัมมา อะระหัง” มาเป็นตัวอย่าง และเป็นกำลังใจให้ผู้รักการปฏิบัติภาวนาอีกเช่นเคย
องค์พระหาย ดวงแก้วหาย ให้ภาวนา "สัมมา อะระหัง"
พระโอภาส ปโยโค
พระธรรมทายาทโครงการอุปสมบทหมู่ ๑๐๐,๐๐๐ รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย วัดพระธรรมกาย
ก่อนที่จะเดินธุดงค์ อาตมาอยู่ในกลุ่มที่เห็นองค์พระต่อเนื่อง มีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ว่า ระหว่างเดินธุดงค์องค์พระเราต้องสว่างไสวตลอดเส้นทาง แต่ทว่าพอมาถึงสถานการณ์จริง ขณะเดินธุดงค์ เมื่อต้องเจอบททดสอบมากมาย ปรากฏว่า องค์พระก็ไม่เห็น แสงสว่าง ก็หาย ไม่มีเลย
สาเหตุก็มาจากทุกขเวทนาที่เกิดจากการเจ็บฝ่าเท้า ที่เขาเรียกว่ายางระเบิด ใจวอกแวกไปกับ ๒ ข้างทาง รถวิ่งผ่านไปผ่านมา จากที่เราเคยนิ่ง เคยสงบ กลายเป็นศูนย์ไปหมดเลย คราวนี้ก็พยายามตามหาองค์พระ ตามหาดวงแก้ว ซึ่งยิ่งตามหา ยิ่งค้น ยิ่งเค้น ยิ่งเน้น ยิ่งอยากก็ยิ่งไม่เห็น ยิ่งอยากให้ชัดยิ่งหาย พยายามทุกวิถีทางผลการปฏิบัติธรรมก็ไม่ดีขึ้น จนกระทั่งนึกถึงคำของพระอาจารย์ ซึ่งท่านเมตตาสอนไว้ว่า ให้ภาวนา “สัมมา อะระหัง ๑, สัมมา อะระหัง ๒, สัมมา อะระหัง ๓...” นับไปเรื่อย ๆ พอเรานับไปเรื่อย ๆ ใจก็เลยนิ่งลง ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เท้าก็ยังเจ็บอยู่ แต่ใจก็ไม่ไปกังวลอยู่กับฝ่าเท้า แต่มาอยู่ที่ศูนย์กลางกายแทน ทำให้ความเจ็บลดน้อยลงจนไม่รู้สึก และที่สำคัญเดินได้นิ่ง ไม่วอกแวก ไม่มองซ้ายไม่มองขวา ความสงบเสงี่ยม สง่างามเกิดขึ้น จากเคยเดินวอกแวกซ้ายขวา เพราะใจไม่จรดนิ่ง ก็นิ่งได้
เพราะฉะนั้น อยากจะฝากให้เพื่อนสหธรรมิกท่านใดที่ใจไม่นิ่งองค์พระหาย ดวงแก้วหาย ให้ลองกลับมาภาวนา “สัมมา อะระหัง ๑, สัมมา อะระหัง ๒, สัมมา อะระหัง ๓...” ภาวนาไปเรื่อย ๆ แล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม นิ่งแน่นกว่าเดิม
โรคภัยหาย ได้บ้านอยู่
วรรณสง่า นนทสิน
อาชีพค้าขาย
ดิฉันมีปัญหาด้านสุขภาพมาประมาณเกือบ ๔ ปีแล้ว ในตอนแรก ๆ มีปัญหาอยู่ประมาณ ๓ ปี แต่ไม่เอะใจว่าตัวเองมีปัญหาด้านสุขภาพ ก็ไปแสวงหาอาหารเสริมมากิน แต่เวลาไม่มีเงินซื้ออาหารเสริมกิน อาการก็มาอีก จนกระทั่งตัดสินใจไปตรวจเลือดเมื่อ ๓ - ๔ เดือน ที่ผ่านมา หมอบอกว่าความดันโลหิตสูงและโคเลสเตอรอลสูงมาก
ดิฉันมีอาการเหนื่อยมาก รู้สึกเหมือนกายละเอียดจะถอดแล้ว รู้สึกไม่ไหว ทำใจแล้วว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ ภายหลังมากราบพระอาจารย์ ท่านถามว่าเป็นโรคอะไร ดิฉันบอกว่าเป็นความดันโลหิตสูง โคเลสเตอรอลสูง ท่านบอกว่าให้ลองเอา “สัมมา อะระหัง” รักษาดู ดิฉันสงสัยว่าแค่ “สัมมา อะระหัง” จะรักษาได้หรือ แต่ก็ตัดสินใจว่าต้องลองดู
เชื่อไหมคะ ตอนที่ยังไม่ “สัมมา อะระหัง” ดิฉันต้องดื่มน้ำ สมุนไพรทุกวัน ร่างกายถึงจะอยู่ได้ แต่พอพระอาจารย์บอกให้ “สัมมา อะระหัง” วันแรก พอความดันขึ้นดิฉันก็ “สัมมา อะระหัง ๆ ๆ อย่าขึ้น” “สัมมา อะระหัง ลงไป ๆ” จนกระทั่งจากที่รู้สึกเหนื่อยมากวันละหลายรอบ พอ “สัมมา อะระหัง” ผ่านไปหนึ่งเดือน อาการที่เป็นทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบ ไม่เป็นอีกเลย
สิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือ ตอนนั้นพอมีปัญหาสุขภาพ ก็ต้องเสียค่า ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ดิฉันเป็นแม่ค้าขายน้ำหอมอยู่ที่ตลาดบางแค ไปหาเงิน
ไม่ค่อยได้ ภาวนา “สัมมา อะระหัง” แค่ ๒ อาทิตย์ จู่ ๆ พ่อของลูกที่เลิกกันมา ๑๗ ปีแล้ว บอกว่าอยากให้ไปอยู่กับลูก เขาเซ้งตึก ๓ ชั้น ให้อยู่ โดยที่เราไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักคำ ทุกวันนี้อยู่ตึก ๓ ชั้น ๒ คน แม่ลูก รู้สึกสบายมาก หมดปัญหาเรื่องค่าเช่าบ้าน แล้วก็มีความสุขขึ้น สุขภาพดีขึ้น ไม่ต้องมากังวลค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพด้วย จนกระทั่ง ตอนนี้มีความรู้สึกว่า การภาวนา “สัมมา อะระหัง” ทำให้ทุกอย่างในชีวิตดีขึ้นจริง ๆ อยากให้ลองพิสูจน์ด้วยตนเอง แล้วคุณจะพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลาย ๆ อย่างค่ะ
จากเรื่องราวประสบการณ์ที่เป็นตัวอย่างของอานุภาพการภาวนาในเบื้องต้น เราจะสามารถนำมาเป็นเครื่องประเมินตัวเองได้ในระดับหนึ่งว่า ทำไมบางท่านนั่งสมาธิมานานมาก แต่ไม่เป็นสมาธิสักที ซึ่งอาจจะวินิจฉัยได้ว่า เรายังทำตามขั้นตอนที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำสั่งสอนมาไม่ครบถ้วนหรือไม่ต่อเนื่อง คือ บางท่านไม่ค่อยจดจ่อกับการภาวนา ประกอบกับมีใจที่ยังไม่ละเอียดและไม่แข็งแรงพอ จึงทำให้พ่ายแพ้ต่อนิวรณ์ทั้งหลายได้ง่าย แต่หากเราภาวนาจนกระทั่งใจละเอียดนุ่มนวลความรู้สึกค่อย ๆ กลืนเข้าไปสู่ความละเอียดภายใน และใจเคลื่อนเข้าสู่กลางของกลางได้เองโดยอัตโนมัติแล้วจึงหยุดภาวนา ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ที่ส่วนใหญ่ยังมีปัญหา ก็เพราะขาดการภาวนา หรือไม่ได้ภาวนาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง บางคนเมื่อมีความทุกข์จึงมาภาวนา ความต่อเนื่องจากการภาวนาจึงทำให้เห็นผลที่ดีต่อชีวิตและจิตใจอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น เรามาเร่งทำความเพียร หมั่นเจริญภาวนา “สัมมา อะระหัง” กันเถิด เพื่อให้บังเกิดผลอันประเสริฐ คือการเข้าถึง พระธรรมกายภายใน สมความปรารถนากันทุกคน..