สมาธิเปลี่ยนชีวิต
เรื่อง : Son Backhome e-mail : [email protected]
"โลกจะสวยงามขึ้น ถ้าเรารู้จักที่จะก้าวเดินให้ช้าลงกว่าเดิม มีใครบางคนได้กล่าวถ้อยคำนี้เอาไว้อย่างน่าคิด คำบางคำ ไม่คิดไม่ซึ้ง เช่นเดียวกับเรื่องบางเรื่องที่ ไม่คิดไม่แปลก แต่ถ้า ยิ่งคิดยิ่งแปลก และเรื่องราวตัวอย่างที่จะ นำมาเล่าต่อ ไปนี้เป็นเรื่องที่จะช่วยยืนยันอีกคำรบหนึ่งว่า คำบางคำ ยิ่งคิดก็ยิ่งซึ้ง เรื่องบางเรื่อง ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลก เป็นจริงเช่นไร"
บนอากาศว่างๆ กลางท้องฟ้าเวิ้งว้างนั้น นอกจากนกแล้ว ยังมีเครื่องบินสัญจรไปมามากมาย และใครไหนเลย จะคิดว่า บุคคลที่ใช้ชีวิตทำงานอยู่บนฟ้าเสียเป็นส่วนใหญ่อย่างเช่นกัปตันขับเครื่องบิน จะสะดุดใจกับถาวรวัตถุบางสิ่ง บนพื้นพิภพ และ ถาวรวัตถุสิ่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปทั้งชีวิต ซึ่งบุคคลคนนั้นกำลังจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้คุณฟัง
ผมชื่อกัปตันโยนัส เม็คคูเรีย เป็นชาวเอธิโอเปีย ผมเป็นกัปตันขับเครื่องบินของสายการบิน เอธิโอเปียน แอร์ไลน์ มา ๑๐ ปีแล้ว ในชีวิตของผม มีเรื่องน่าตื่นเต้นผ่านเข้ามามากมาย ดังเช่นเหตุการณ์ ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตเรื่องหนึ่งซึ่งเคยถูกนำมา สร้างเป็นสารคดีออกอากาศในรายการดิสคัฟเวอร์รี่ แชนแนล (Discovery Channel) มาแล้ว นั่นคือ เหตุการณ์สลัด อากาศจี้เครื่องบินที่ผมทำงานอยู่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ขณะนั้นเครื่องบินกำลัง มุ่งตรงไปกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ซึ่งผมทำงานเป็นผู้ช่วยนักบินอยู่บน เครื่องลำนี้ด้วย สลัดอากาศ (Hijacker) ได้บังคับให้กัปตันนำเครื่องบิน ไปออสเตรเลีย โดยใช้ระเบิดขู่ ซึ่งสลัด อากาศคิดว่า เครื่องบินจะสามารถบินต่อไปได้ถึงออสเตรเลีย แต่ในความจริงเครื่อง บินจะเติมน้ำมันเท่า ที่จำเป็นต่อแผนการเดินทางเท่านั้น ไม่สามารถ บินไปไกลกว่านั้นมากนัก แม้จะพยายามอธิบายให้สลัด อากาศเข้าใจ แต่เขาก็ไม่รับฟัง
ตอนนั้นอยู่ในภาวะวิกฤตมาก ถ้าทีมนักบินไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องแลว ผู้โดยสารทั้งหมด คงจะต้องเสียชีวิต แตสุดท้าย เมื่อน้ำมันใกล้หมด เราก็สามารถนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในทะเล ใกล้กับเกาะแกรนด์โคโมโร ในมหาสมุทรอินเดียได้สำเร็จ และมีผู้รอดชีวิตกลับมา โดยมีนักท่องเที่ยวถ่ายวิดีโอไว้ได้ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าผมจะ รอดชีวิตมาได้ และผมก็ได้รับรางวัลคอนเวย์ เซฟ สกาย อะวอร์ด (Conway Safe Skies Award) ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ด้วย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ เทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่ผมจะเล่าในลำดับต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิต ของผมทั้งชีวิตครับ
วันหนึ่งขณะที่ผมขับเครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินในประเทศไทย ผมก็ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดตั้งแต่ชีวิตผมเกิดมา นั่นคือ สิ่งก่อสร้างอันใหญ่ โตสง่างาม สีทอง ทรงกลม แลเห็นเด่นชัดจากเครื่องบิน เป็นภาพที่สะดุดตาและมีพลังดึงดูดใจ ผมมีความรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ได้กวักมือเรียกผมอยู่ตลอดเวลา จากนั้น ผมก็พยายามเสาะแสวงหาว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร และผมจะมาถึงได้อย่างไร โชคดีที่ผมได้พบกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้แนะนำจนสามารถเดินทางมาถึงวัดพระธรรมกาย และ ได้พบ คุณลุงผู้ใจดี ผู้ให้การต้อนรับและดูแลผมอย่างดี นั่นคือ กัลฯ อังเคิลหาญ หรือคุณลุงไชยชิต ศิริบุญ ซึ่งเป็นอาสาสมัครอยู่ที่สำนักต่างประเทศ และ พระอาจารย์ที่แนะนำการนั่งสมาธิให้ หลังจากวันนั้น ผมได้มาปฏิบัติธรรม ที่วัดแทบทุกครั้งที่มีตารางบินมาประเทศไทย ผมมาวัดพระธรรมกายได้ปีกว่าแล้ว แต่เดิมผมเป็นศาสนิกในความเชื่ออื่น แต่ตอนนี้ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนแล้วครับ
มีผู้คนอีกหลายล้านคนที่นั่งเครื่องบินผ่าน มหาธรรมกายเจดีย์ แต่อาจจะยังไม่เคยได้สังเกตเลยว่า ใต้ฟ้าสีน้ำเงิน ณ แผ่นดินโลกเบื้องล่างนี้ มีสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตสู่สันติสุข รอพวกเขาอยู่ ดังเช่น กัปตันโยนัส ได้มองเห็นแล้ว ด้วยตัวของเขาเอง
ถ้าถามว่า ทำไมเมื่อเห็นมหาธรรมกายเจดีย์ แลว ทำให้ผมถึงกับดั้นด้นหาทางมาวัด ผมก็คงจะตอบได้ว่าเป็น ลิขิตจากฟ้า เป็นโชคชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดมาแล้ว ผมคิดว่า ทุกคนในโลกต่างแสวงหา ความสุขและมีสิทธิอัน ชอบธรรมที่จะได้รู้จัก วิธีเข้าถึงความสุขนั้น สภาพสังคมที่อยู่นอกวัดมีแต่การต่อสู้ แก่งแย่ง แต่เมื่อได้มาเรียนรู้และ ฝึกสมาธิ โดยวางใจ เข้ามาในตัว ผมได้พบตัวตนที่เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงและพบแสงสว่างภายในครับ..
หลังจากปฏิบัติธรรม มีหลายอย่างในชีวิตที่เปลี่ยนไปในทางที่ดี ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่มีความหมาย ของบ้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปราสาทราชวังหรือคอนโดมิเนียม แต่เป็นที่ที่เรา ได้พักใจ ณ ศูนย์กลางกายของเรานั่นเอง การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดในชีวิตผมก็คือ เรื่องของครอบครัว ก่อนที่จะ มา ปฏิบัติธรรม ผมและภรรยามีช่องว่างระหว่างกัน และดูเหมือนจะค่อยๆ กว้างและห่างออกไปทุกที เรามีลูกด้วยกัน ๓ คน เมื่อผมไดพาครอบครัวมา วัดพระธรรมกาย ลูกชายคนกลางของผม เขาเข้าใจ เรื่องการนั่งสมาธิและสามารถนำใจของเขาเข้าไปที่ศูนย์กลางกายได้ แม้จะยุกยิกตามประสาเด็กบ้างก็ตาม ผมสัมผัสได้ว่าครอบครัวของผมได้กลับมาเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน จากช่องว่างที่ห่าง ไกลกลายเป็น ความชิดใกล้ที่เบิกบาน ผมและภรรยาได้กลับมาเข้าใกล้กันเหมือนเดิมแล้วครับ..
ทุกวันนี้ ผมนั่งสมาธิวันละ ๓๐ นาที แม้ในขณะที่ทำงานขับเครื่องบิน มันเป็นความรู้สึกที่งดงามมาก "ผมสามารถวางใจ เข้าไปในบ้านที่แท้จริง ภายในศูนย์กลางกายได้อย่างง่ายๆ ลองคิดดูสิ ในยามค่ำคืน ภาพที่อยู่ตรงหน้าผม คือ หมู่ดาวดารดาษ มากมายบนท้องฟ้า และในความมืดอันสงบนิ่ง แม้ว่า ผมยังต้องสาละวนกับปุ่มและมอนิเตอร์มาก มายบนแผงบังคับเครื่องบิน แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขดื่มด่ำ เป็นอย่างยิ่งกับบรรยากาศภายนอกเช่นนั้น ในยาม ฟ้าสว่าง ผมได้เห็นขอบฟ้าและเมฆสีสวย สะท้อนตามแสงตะวัน โอ้...ผมสามารถน้อมใจเข้ามาที่ ศูนย์กลางกาย และหย่อนใจ อย่างเบาๆ ได้อย่างง่ายๆ" ปัญหาอยู่ที่ว่าทำ อย่างไรจะอยู่อย่างนี้ได้นานๆ มากกว่าครับ..
หลังจากนั้น เมื่อผมได้ทราบข่าวการสร้าง พระธรรมกายประจำตัวในช่วงโค้งสุดท้าย ผมก็รีบตกลงทำทันที เพราะภาพมหาธรรมกายเจดีย์นี้เอง ที่ทำให้ผมได้ชีวิตใหม่ ผมเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ว่า มหาธรรมกายเจดีย์จะ ก่อให้เกิดสันติสุข ภายในแก่ชาวโลกได้อย่างแท้จริง เหมือนกับตัวผมเองที่แม้จะเป็นคนต่างชาติต่างภาษา แค่มุมมอง จากฟ้า มอง มาเห็นเจดีย์ ก็สามารถพาตัวเองเข้ามาจนพบหนทาง เข้าถึงความสุขภายในที่แท้จริงได้
คงไม่จำกัดเฉพาะแต่ชีวิตของผู้คนที่สัญจรบนท้องฟ้า แต่ทว่า เราทุกคนที่สัญจรอยู่บนท้องถนน ไม่ว่าด้วยรถเมล์ รถยนต์ รถไฟ หรือการสัญจรด้วยเท้าทั้งสองก็ตาม เราสามารถมองเห็นโลกใบนี้สวยงามขึ้นได้ ถ้าเราเดินช้าลง และสังเกตให้มากขึ้น เช่นเดียวกับภาพมหาธรรมกายเจดีย์ที่ทุกคนเห็น ถ้าเรามองผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราจะเห็น แค่เพียงถาวรวัตถุทรงโดมสีทอง แต่ถ้ามองให้นานขึ้นเราจะเห็นว่า บนโดมสีทองนั้นมีองค์พระประดิษฐานอยู่มากมาย ยิ่งมองให้ลึกลงไปเราก็จะยิ่งทราบว่า องค์พระทุกองค์ที่ประดิษฐานนั้นมีพุทธลักษณะที่งดงามยิ่งนัก เมื่อพิจารณา ที่ฐานองค์พระเราก็จะพบอีกว่า มีชื่อผู้สร้างสลักอยู่ เมื่อใจของผู้ดูนิ่งขึ้น สงบขึ้น เราก็จะทราบว่า พระธรรมกายประจำตัว ที่ประดิษฐาน ณ มหาธรรมกายเจดีย์แห่งนี้ เป็น องค์พระที่ ถูกถอดแบบมาจากองค์พระธรรมกายภายในตัว ที่ทุกคนไม่ว่า จะเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา หรือสีผิวแบบไหนต่างก็มีเหมือนกัน และทุกคนสามารถเข้าถึงองค์พระองค์นั้นได้ด้วยการทำใจ ให้หยุดนิ่ง แล้วในที่สุดองค์พระที่อยู่ภายในตัวของเรา นั่นเองจะนำความสุขอันเป็นนิรันดร์มาให้ องค์พระ องค์นี้จะเปิดเผย ความจริงของโลกและจักรวาลให้เราได้เรียนรู้ เราจะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างจากใจที่งดงาม ซึ่งภาพที่ปรากฏจักเป็น ภาพที่สวยงามที่สุดในใจของเรา
สรุปสุดท้าย "โลกจักสวยงามขึ้น ถ้าเราเดินให้ช้าลง และเราจะพบโลกใบที่สวยงามกว่า ถ้าเราหยุดเดินแล้วมานั่งหลับตา ทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นเรื่องที่น่าแปลกแค่ทำใจหยุดนิ่ง จะพบโลกที่สวยงามได้อย่างไร ไม่คิด ไม่แปลก ยิ่งคิดยิ่งแปลก" แต่ถ้าจะไม่ให้แปลก อีกต่อไป คือ หยุดคิดแล้วมา นั่งหยุดใจ กันดีกว่า ..ยิ่งหยุด ยิ่งนิ่ง ยิ่งเร็ว หยุดให้ได้เสียก่อน เรื่องอื่นมากมายใหญ่โตมโหฬารนัก