การปิดบ่อนไก่คือการปล่อยไก่ให้มีชีวิตรอดต่อไป ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ที่เห็นว่ามันมีโทษมากกว่ามีคุณทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ทั้งๆ ที่เป็นทางมาแห่งรายได้มากมายมหาศาล แล้วก็เป็นรายได้ประจำด้วย แต่ว่า หลังจากที่ได้มาศึกษาเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตแล้ว ก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเลยว่า จะไม่ยินดีกับเงินที่ได้มาจากความหายนะของเพื่อนมนุษย์ เมื่อรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้วก็ตัดสินใจเลิกหักดิบกันไปเลย
บางคนรู้ว่าบาปแต่ก็ยังทำ คือดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ แสดงว่าเขายังรู้ไม่จริงเรื่องบาป รู้ยังไม่ครบวงจร บางคนบอกว่าการชนไก่ถือเป็นเกมกีฬาก็เป็นเรื่องว่ากันไปเอง บ้างว่าธรรมชาติ ของไก่มันต้องชนกันอยู่แล้ว แต่ไก่ที่ชนกันตามธรรมชาติ นานๆ จะชนกันที แล้วมันชนกันแค่เอาเชิง และเมื่อมันรู้ว่าสู้ไม่ได้มันก็หนีกันไป แล้วมันก็ไม่มีการเหลาเดือยหรือติดอาวุธที่เดือย แถมมีการพนัน มีการหายนะเกิดขึ้นด้วย มันจะไปเป็นกีฬาได้อย่างไร ก็ว่ากันไปเองทั้งนั้น
เลิกเสียเถิด ขอบิณฑบาต เราล้างอดีต ที่ผิดพลาดไปให้หมด ถ้าเราตัดสินใจได้ถือว่าเป็นการช่วยปลดปล่อยมวลมนุษยชาติจำนวนมากให้พ้นจากความหายนะ ถ้าเราคิดดูว่าอาทิตย์หนึ่งเป็นพันคนที่มาชนไก่ ปีหนึ่ง ๕๒ อาทิตย์ จำนวนเท่าไรที่เข้ามา เป็นพัน หลายๆ พัน เป็นหมื่น แล้วที่บ้านอีกต่างหาก รวมแล้วเป็นแสน หลายแสนชีวิตที่พ้นจากความหายนะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย ความจริงแล้วเขาไม่ได้ดื้อหรอกนะ แต่บางทีตามไม่ทัน คือดวงปัญญายังไม่ทัน เนื่องจากมีความอยากมาบดบัง ทั้งหมด เกิดขึ้นมาจากความอยาก อยากรวยจะเป็น หลักเลย อย่างในบ่อนเราจะเห็นว่ามีหลากหลาย อยากได้เงิน มันก็มีได้ มีเสีย มีแพ้ มีชนะ มีลุ้นกัน เพราะความอยากเท่านั้น ความอยากจึงเป็นสมุทัยเหตุแห่งความทุกข์ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้
เราจะต้องศึกษาเรื่องราวของบ่อนไก่ให้ครบวงจรเพราะตอนที่เราเห็น เราเห็นยังไม่ครบวงจร เราเห็นมันตีกัน เราเกิดไอเดีย อย่าให้มันตีกันตามลำพังเลย เราเอามาให้มันเกิดเป็นธรรมเนียมดีกว่า ให้คนได้ดู ได้ชื่นชม ลีลาการตีกันเหมือนดูมวยอย่างนั้น แต่ดูไปเพลินๆ มันก็เสียเวลา ไหนๆ เสียเวลาแล้ว ก็เวลาเป็นเงินเป็นทอง ก็มีเดิมพันกันซะหน่อย พอมีเดิมพันเข้า มันก็มีได้ มีเสีย มีลุ้นกันระทึก แล้วก็มีอาชีพที่รองรับเกิดขึ้นมาอีกมากมาย มีงานรองรับหลายๆ งานทีเดียว ก็เลยเกิดบ่อนขึ้นมา ซึ่งถ้าลองศึกษาไปลึกๆ แล้ว ไม่มีคุณ
ส่วนผู้ที่ชอบเลี้ยงไก่ชนเอาไว้ขาย โดยไม่ได้เล่นพนัน แต่มีจิตผูกพันกับไก่มาก เช้าก็เห็นภาพไก่ สายเห็นไก่ เที่ยงเห็นไก่ บ่ายไก่ เย็นไก่ กลางคืนไก่ ดึกไก่ รุ่งสางไก่ ไก่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง พวกนี้จะรักไก่เหมือนลูก ก่อนตาย ใจก็จะ วนเวียนอยู่กับเรื่องของไก่ มันจะร้องอย่างไร เป็นอย่างไรก็เห็น กรรมนิมิตจะเห็นเป็นไก่ที่ เคยเลี้ยง ถ้าเลี้ยงมาก ภาพไก่ก็จะมามาก จนบุญ ไม่ได้ช่องเข้าไปเสียบเลย เหมือนเราดูหนังม้วนเดียวเรื่องไก่ๆ ๆ ๆ ๆ เมื่อตายไปแล้วก็จะไปเกิดเป็นไก่ให้เขาเลี้ยง เหมือนที่ตนเคยเลี้ยงจนกว่าจะหมดกรรม จนกว่าภาพไก่มันจะหมดจากใจ แล้วคลายความรู้ คือเป็นจนเบื่อ นั่นแหละถึงจะหมดกรรม
อันตรายที่บ่อนไก่ มันมีมาก มากกว่าที่เราคิดออกเสียอีก กับความรู้สึกนึกคิดว่าการ ชนไก่คือเกมกีฬา หรือว่าเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านคิดกันให้ดี ไก่ไม่เคยคิดเลยว่าจะให้ตัวเองมามีบทบาทในวงจรวัฒนธรรมพื้นบ้าน มันไม่อยากมีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้าน ไม่อยากเป็นนักกีฬา ที่ไก่จะต้องสู้กันเองนั้น มันจำเป็นด้วยสัญชาตญาณของวิบากกรรม เพราะมันไม่รู้ มันอยากจะพ้นจากกรง อยากจะพ้นจากบ่อน มันต้องการอย่างนี้มากกว่า แต่เวลามันพูดมา เราฟังแล้วไม่เข้าใจ เราก็เลยนึกว่ามันชอบ จริงๆ เราชอบต่างหาก แต่ถ้าเราชอบนี่เราก็จะไปสู่ที่ๆ เราชอบ ก็คือ ตั้งแต่มหานรก อุสสทนรก ยมโลก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน มาเป็นมนุษย์ยากจนลำบากทุกข์ทรมาน แล้วก็จะไปอยู่ในวงจรของการชนไก่ การพนันนี้อีก แล้วจะต้องหวนกลับคืนมาที่เดิมอีก ซึ่งอันตรายมากเหลือเกิน
เมื่อได้ทราบความจริงแห่งวงจรอุบาทว์นี้แล้ว พึงตัดวงจรกรรม หักดิบเสียเถิด เลิกเกี่ยวข้องโดยประการทั้งปวง อดีตที่ผิดพลาด ลืมไปให้หมด เริ่มให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แล้วอุทิศบุญให้คู่กรรมคู่เวรที่เคยล่วงเกินกันมา เพื่อมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า มีที่สุดแห่งธรรมเป็นที่ไปในชาติที่สุด