เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
มาณพนั้นได้รีบไปหามารดาของตน เตรียมพร้อมต่อภัยที่จะเกิดขึ้น |
ในขณะนั้นคนในเรือต่างพากันหวาดกลัวต่อมรณภัยที่จะเกิดขึ้น พากันเก็บข้าวของที่มีค่าของตนอยู่นั้น มาณพหนุ่มจึงได้รีบไปหามารดาของตนและเตรียมพร้อมต่อภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น ลมพายุฝนใหญ่ยิ่งพัดโหมกระหน่ำหนักยิ่งขึ้น จนกระทั่งเรือสำเภาไม่อาจจะทรงตัวอยู่ได้ ในที่สุด เรือได้อับปางจมลงในท้องมหาสมุทร มาณพจึงได้แบกมารดาผู้ชราภาพกระโดดออกจากเรือสำเภาไปอย่างสุดแรง แล้วก็รีบว่ายน้ำออกไปให้ไกลที่สุด ในขณะเดียวกันก็ได้หันหลังมาดู เห็นบรรดาคนที่อยู่ในเรือสำเภาทั้งหมดนั้น ต่างลอยเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร และตกเป็นเหยื่อของเหล่าปลาร้ายที่อยู่ในมหาสมุทรจนตายกันหมดทุกคน
ลมพายุฝนใหญ่ยิ่งพัดโหมกระหน่ำหนักยิ่งขึ้น จนกระทั่งเรือสำเภาไม่อาจจะทรงตัวอยู่ได้ ได้อับปางจมลงในท้องมหาสมุทรในที่สุด
|
มาณพจึงได้แบกมารดาผู้ชราภาพ กระโดดออกจากเรือสำเภาไปอย่างสุดแรง แล้วก็รีบว่ายน้ำออกไปให้ไกลที่สุด
|
|
ในขณะเดียวกันได้หันหลังมาดู เห็นบรรดาคนที่อยู่ในเรือสำเภาทั้งหมด ต่างลอยเคว้งคว้าง อยู่ในกลางมหาสมุทร และตกเป็นเหยื่อเหล่าปลา และเต่าในมหาสมุทร ตายหมดทุกคน
|
มาณพรีบแบกมารดาว่ายนํ้าหนีอย่างสุดชีวิต โดยมีความตั้งใจว่าจะพามารดาให้รอดตาย และขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยไม่หวั่นว่า มหาสมุทรจะกว้างใหญ่สักเพียงใด
|
มาณพนั้นจึงรีบแบกมารดาว่ายน้ำอย่างสุดชีวิต โดยมีความตั้งใจว่าจะว่ายน้ำช่วยมารดาให้รอดตาย แล้วขึ้นฝั่งให้ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่หวั่นไหวว่ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่สักเพียงไหน ถึงแม้ว่าตัวเองจะเหนื่อยแสนเหนื่อยสักเพียงใด ก็จะสู้อุตส่าห์อดทนแหวกว่ายพามารดาข้ามมหาสมุทรนี้ไปให้ได้
ถึงแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อยสักเพียงใด ก็จะสู้อุตสาหะอดทนแหวกว่าย พามารดาข้ามมหาสมุทรนี้ไปให้ได้ โดยแบกมารดาว่ายนํ้าในมหาสมุทร ไปตลอดทั้งวันทั้งคืน
|
ในขณะนั้นเรี่ยวแรงของมาณพหมดลง แทบจะจมลงในมหาสมุทร ด้วยกำลังบุญบารมีที่สั่งสมมา พลันฉุกคิดขึ้นมาในใจว่า วัฏสงสารนี้เป็นทุกข์หนักหนา และชีวิตของมนุษย์นั้น ก็เหมือนแหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์
|
|
ถ้าตัวเราต้องตายพินาศลงไปในท้องมหาสมุทร พร้อมกับมารดา ในกาลบัดนี้ ขอกุศลบุญที่เราได้แบกมารดา ว่ายนํ้าในมหาสมุทรมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย จงเป็นปัจจัยให้เราสามารถ ข้ามพ้นทะเลแห่งความทุกข์นี้ไปได้
|
เมื่อตั้งมโนปณิธานอธิษฐานจิต ตอกยํ้าถึงความปรารถนา ที่จะนำตน และสรรพสัตว์ให้พ้นจากทะเลทุกข์ มาณพนั้นได้รับเนมิตกนามว่า พระโพธิสัตว์ ทันที
|
เมื่อมาณพนั้นแบกมารดาว่ายน้ำในมหาสมุทรมาตลอดทั้งวันทั้งคืน อาการเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียย่อมเกิดขึ้น ในขณะที่เรี่ยวแรงของมาณพนั้นหมดลง จนแทบจะจมลงในมหาสมุทร แต่ด้วยกำลังบุญบารมีที่สั่งสมมาจนเป็นบารมีที่ตกผลึก เป็นแหล่งกำเนิดความคิดอันประเสริฐ ซึ่งบารมีตรงนี้จะทำให้เกิดความนึกคิดที่แตกต่างจากมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ได้มากระตุ้นจิตสำนึกของมาณพ ทำให้เกิดความคิดว่าวัฏสงสารนี้เป็นทุกข์หนักหนา ชีวิตมนุษย์เหมือนแหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ แล้วนึกต่อไปว่า ถ้าเราต้องตายพินาศลงในท้องมหาสมุทรพร้อมกับมารดาในบัดนี้ ขอกุศลผลบุญที่เราได้แบกมารดาว่ายในมหาสมุทรมาด้วย ความเหน็ดเหนื่อย หวังที่จะพามารดาไปขึ้นฝั่ง โดยไม่ได้คิดถึงตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร ขอกุศลผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้เราสามารถข้ามพ้นทะเลแห่งความทุกข์ของชีวิตนี้ได้
ครั้นตั้งจิตเป็นมหากุศลแล้ว มาณพได้ตั้งปณิธานซํ้าลงไปอีกว่า "เมื่อเราข้ามพ้นจากวัฏสงสารได้แล้ว ขอให้เราพึงนำสัตว์ทั้งหลาย ข้ามพ้นจากทะเลแห่งวัฏสงสารได้ด้วยเถิด"
|
ด้วยแรงอธิษฐาน ที่ปรารถนาความเป็นผู้ยกตน และนำสัตว์ให้พ้นจากทะเลทุกข์ ทำให้เกิดมหาปีต ิจากที่กำลังจะหมดแรงว่ายนํ้า ก็พลันเกิดกำลังใจ พร้อมกับกำลังกายขึ้นมาเป็นอัศจรรย์ มีเรี่ยวแรงที่จะว่ายนํ้าแบกมารดาต่อไปได้ถึง ๒-๓ วัน จนในที่สุดก็เห็นฝั่ง และได้แบกมารดาขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
|
|
เมื่อถึงฝั่งแล้ว พระโพธิสัตว์กับมารดา ก็ได้เข้าไปอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
|
พระโพธิสัตว์ทำงานด้วยความขยันและอดทน เพื่อเลี้ยงดูมารดาเป็นอย่างดีจนกระทั่งมารดาละสังขาร
|
ครั้นตั้งจิตเป็นมหากุศลแล้ว ก็ตั้งปณิธานซ้ำลงไปอีกว่า ถ้าหากเราข้ามพ้นห้วงทะเลทุกข์ได้แล้ว ขอให้เราสามารถนำสรรพสัตว์ทั้งหลายข้ามพ้นจากทะเลแห่งชีวิต หรือวัฏสงสารนี้ไปได้ด้วย คือเมื่อเราพ้นแล้วขอให้เราสามารถถ่ายทอด ความรู้ และนำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจาก ความทุกข์เช่นเดียวกับเราได้ ผู้ที่มีความปรารถนา อย่างนี้จะได้เนมิตกนามว่า พระโพธิสัตว์ ทันที คือเราคิดอย่างนี้เมื่อไร ก็เรียกว่าเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ตอนไหนเลิกคิดก็เป็นสัตวโลกธรรมดา แต่ถ้าคิดก็เรียกพระโพธิสัตว์
เมื่อถึงคราวที่พระโพธิสัตว์ละโลกนี้ ก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก
|
นี้คือปฐมชาติที่ได้ตั้งความปรารถนา ที่จะเป็นผู้นำตนและสรรพ-สัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากทะเลทุกข์ ซึ่งก็คือ ฐานะแห่งความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตนั่นเอง
|
ด้วยแรงอธิษฐานที่ปรารถนาความเป็นผู้นำตนและสรรพสัตว์ให้พ้นจากทะเลทุกข์ จึงทำให้เกิดมหาปีติ จากที่กำลังจะหมดแรงว่ายน้ำก็พลันเกิดกำลังใจ พร้อมกับกำลังกายขึ้นมาเป็นอัศจรรย์ เพราะฉะนั้น ปีติจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเรานึกถึงสิ่งที่ยาก แล้วเราสามารถทำได้ มหาปีติได้เกิดขึ้นแก่พระโพธิสัตว์แล้ว โดยการตั้งใจระลึกนึกถึงบุญกุศลอย่างนั้น ทำให้มีเรี่ยวแรงเกิดขึ้นมา สามารถว่ายน้ำแบกมารดาต่อมาได้อีก ๒-๓ วัน
ในชาตินี้จึงมีชื่อเรียกว่า ปฐมจิตตุปบาทกาล หมายถึง การเกิดขึ้นของดวงจิตดวงแรกที่คิดจะเป็นพระพุทธเจ้า |
ในที่สุดก็พามารดาขึ้นฝั่งได้สำเร็จ พอถึงฝั่งแล้วพระโพธิสัตว์กับมารดาก็เข้าไปอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทำงานด้วยความขยันอดทนและได้เลี้ยงดูมารดาเป็นอย่างดี จนกระทั่งมารดาละสังขาร เมื่อถึงคราวที่พระโพธิสัตว์ละโลก ได้ไปบังเกิดในเทวโลก นี่คือปฐมชาติที่ตั้งความปรารถนาที่จะเป็นผู้นำตนและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทะเลทุกข์ ซึ่งคือฐานะแห่งความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลนั่นเอง
ในชาตินั้นจึงมีชื่อเรียกว่า ปฐมจิตตุปบาทกาล ปฐมจิต คือ จิตแรก ตุปบาทกาล หมายถึงการเกิดขึ้นของดวงจิตดวงแรกที่คิดจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า