ในวงการ Dancer หรือวงการนักเต้นมืออาชีพของเมืองไทย แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีใครเลย ที่ไม่รู้จัก วาเนสซ่า กัณโสภณ หรือ ครูเป็ด ที่หลายคนร่ำลือกันว่า เธอคือศิลปิน บนคาแรคเตอร์ของคน ที่สามารถกำหนดท่าทางให้มนุษย์ธรรมดาๆ แม้เพียงยืนอยู่เฉยๆ สามารถดูเก๋ หรือเท่ได้ และหากใครคิดจะทำหนังโฆษณาที่ใช้ลีลาท่าทางแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่คนในวงการมักจะนึกถึง เป็น คน แรก...
เบื้องหลังท่าเต้น ของซูเปอร์สตาร์ในเมืองไทยทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เบิร์ด..ธงไชย แมคอินไตย์ ติ๊นา..คริสตินา อากีร่า ใหม่..เจริญปุระ อมิตา ทาทายัง เจ..เจตริน วรรธนะสิน โมเม..นภัสสร บุรณสิริ.. และอีกมากมายล้วนมาจาก ฝีมือ เธอ..!!..! |
"ได้เข้ามาร่วมงานกับพี่เบิร์ด ตอนอายุ ๑๖ ขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ วิทยาลัยนาฏศิลป์ ทำงานไปเรียนไปจนกระทั่งเรียนจบ และได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับศิลปินคนอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พี่ติ๊นา ตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานด้านโฆษณาต่างๆ ที่ต้องใช้ลีลาท่าทาง ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่า ใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับเราแค่ไหน เรารู้แต่ว่าเวลาทำอะไรแล้ว เราใส่ไปเต็มๆ ทำอย่างดีที่สุด ไม่ครึ่งๆ กลางๆ สุดท้ายก็ได้การตอบรับที่ดีกลับคืนมา..."
เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานในตัว เพราะหากดูท่าเต้นของเธอบนเวทีแล้วจะรู้สึกสุดเหวี่ยงลืมโลกไปกับเธอด้วย จนหลายคนมักจะพูดถึงเธอว่า เธอเจ๋ง ดูแรง ดูมันส์ และดู ก๋ากั่น..
แล้วคุณ คิดว่าเธอเป็นอย่างนั้น รึ เ ป ล่ า ...??
Look บนอาชีพก็อีกอย่าง Look บนชีวิตจริงก็อีกอย่าง ซึ่ง ติ๊นา คริสติน่า อากีร่า พูดถึงความเป็นตัวตนของเธอว่า
"สิ่งหนึ่งของเป็ด คือเขาจะเป็นคนเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมะ อย่างเช่นที่เขาเอาธรรมะมาสอนเด็กๆ ในรายการ Academy Fantasia...สิ่งที่ เป็ดสอนติ๊นาว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งดีมากๆ ขนาดเราฟังแล้ว เรายังรู้สึกดี ซึ่งสมัยที่ทำงานด้วยกัน เวลาเรามีความคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็ดเขาจะพูดให้เรารู้สึกดี โดยเอาธรรมะมาพูดกับเรา ซึ่งมันดูขัดกับบุคลิกเขามากๆ ซึ่งสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า เราจะตัดสินใจอะไรกับบุคลิกเขาภายนอกไม่ได้" |
หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ใช้พลังในตัวทำให้เธอสามารถหารายได้ ได้ตั้งแต่อายุเพียง ๑๕ ปี โดยเป็นครูสอนเต้นแอโรบิก บัลเลย์ แจ๊ซ ถ่าย มิวสิกวิดีโอ ทัวร์คอนเสิร์ตโดยการคว้าประสบการณ์ จากการเรียนเต้นที่อเมริกา กลับมาสร้างสรรค์ผลงาน จนประสบความสำเร็จสูงในระยะเวลาอันสั้น โดยทำตามความคิดที่ว่า เมื่อทำอะไรแล้ว ต้องมีความเต็มที่ในทุกจังหวะของชีวิต แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ อะไรคือจุดเชื่อมโยง ที่ทำให้เธอสนใจหันมาศึกษาธรรมะ..!!
"..คือ ที่บ้านพี่สาวและครอบครัว จะมาทำบุญที่วัดพระธรรมกายเป็นประจำอยู่แล้ว โดยมักจะให้เราเป็นคนขับรถมาให้ จนตอนหลังเรามีเรื่องไม่สบายใจ พี่สาวจึงแนะนำให้มาขอคำแนะนำจากพระอาจารย์วีระ วีรันธโร ทำให้มาได้คำตอบที่เข้าไปในใจ เข้าถึงปัญหาที่เกิดขึ้น คือมีคนตาบอดมาดูหมอและมาหลอกเอาเงินเราไป เพื่อนๆ จะเชียร์ให้เราไปลุย ไปจัดการเขา ที่ผ่านมาเราก็มักจะทำตามเพื่อน เพราะเราไม่รู้จะทำอย่างไรที่ดีไปกว่านั้น ลึกๆ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนดี นะ แต่เหมือนเรายังหาคนแนะนำไม่ได้ว่า วิธีการที่ดีและถูกต้องคืออะไร แต่พอมาเรียนถามพระ ที่วัดพระธรรมกาย ท่านถามเรากลับประโยคหนึ่ง ว่า เรื่องนี้..เราอยากจบไหม เราก็บอกว่า เราอยากจบ ถ้าอยากจบ การไปลุยเขามันไม่จบหรอก เป็นการผูกเวรเพิ่ม เขาจะมาจองเวรกับเราอีก จริงๆ แล้วเราต้องขอบคุณเขา ที่เหตุการณ์นี้ทำให้เราได้เข้าวัด..."
จากนั้น เธอมาวัดเป็นประจำสม่ำเสมอ ได้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ซึ่งทำให้เธอพบว่า ชีวิตในเกือบทุกด้านดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"หลังจากที่ได้มานั่งสมาธิ ทำให้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างของชีวิตที่ขาดหายไป ซึ่งหลายคนอาจมองว่า เราประสบความสำเร็จนะ เราได้ทำในสิ่งที่เป็นสุดยอดของสายอาชีพในระดับเมืองไทยแล้ว แต่ในทางกลับกันเรากลับค้นพบว่าสภาวะจิตใจเรามันไม่สบายเลย เหมือนขาดอะไรบางอย่างแต่เราตอบไม่ได้ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร...
ที่ผ่านมาใจเรามันถูกฝึกให้คุ้นกับความแรงมาทั้งชีวิต เหมือนถูกบังคับให้มุ่งมั่นอย่างเอาเป็นเอาตายอะไรสักอย่างบนเวที ทำให้รู้สึกสุดเหวี่ยง แต่แปลก..!! ใจเรากลับไม่สบาย แต่พอมาวัดมานั่งสมาธิ เราพบว่าสิ่งนี้ใช่เลย เราพบความสุข จากการหยุดนิ่งๆ ความสุขจากการไม่ต้องคิดอะไรเลย ซึ่งเป็นความฝันที่หามานาน.."
การมีชีวิต ๒ ด้านของเธอเช่นนี้ ทำให้หลายคนหันมาสนใจ และรู้สึกเลยว่าเธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเพื่อนๆ
"บางที เพื่อนโทรมา ให้ไปซ้อมเต้น จะถามก่อนเลยว่าตอนนี้อยู่ไหน เราตอบว่า อยู่วัด ทำให้หลายคนสงสัยว่า เรามีปัญหารึเปล่า เราก็ตอบว่า เปล่าเลย คือเรามาวัดแล้วสนุก มีความสุข แล้วเราก็ชวนเขาให้มาด้วยกัน เดี๋ยวนี้เพื่อนมาได้หลายคน..แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนอย่างที่เรารู้สึก"
พอเข้าวัดมากขึ้น เธออยากเปลี่ยนตัวเองมาเป็นครู ซึ่งเธอจบศึกษาศาสตร์มาโดยตรง ได้ทำงานตรงกับสายที่เธอเรียน...
"ทำบุญทุกครั้งจะอธิษฐาน อยากเปลี่ยน Look ตัวเองใหม่ อยากให้เขามองเราแล้วรู้สึกเราน่าเคารพนะ เราจึงต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ เลยตัดสินใจมาเปิดโรงเรียนสอนเต้น La Danse ตอนนี้งานเราค่อยๆ ดีขึ้น พอมีคนโทรมาก็จะบอกว่า ครูเป็ด ว่างไหม ช่วยไปบรรยายให้เด็กๆ ฟัง เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จในชีวิต ให้เด็กๆวัยรุ่นที่กำลังจบการศึกษาได้มีพลังใจที่จะทำความดี และก็มีงาน Academy Fantasia ปฏิบัติการล่าฝันของUBC เข้ามา ซึ่งชอบกับงานในรูปแบบนี้มาก เพราะทำให้เราได้ถ่ายทอดคุณธรรมความรู้ต่างๆ ที่ได้จากการมาวัด ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตให้กับ พวกเขา..." |
ซึ่งตรงนี้สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ตัวเรามีการพัฒนาความดีของตัวเอง จากการมาวัด และการดูรายการจานดาวธรรมเป็นประจำที่บ้าน เราสามารถนำธรรมะจากการดูดาวธรรมไปใช้กับชีวิตประจำวันได้จริงๆ ทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งไหนบาปไม่ควรทำ บางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เราไม่คิดว่าเป็นไรนะ ทำนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะมีผลอะไร แต่พอได้ดูดาวธรรมทำให้ได้รู้ความจริง กลับพบว่ามันเป็นบาป ซึ่งรายการธรรมะจากจานดาวธรรมจะสอนให้เราเข้าใจตรงนี้ได้ดีมาก หลายคนอาจคิดว่าธรรมะน่าเบื่อฟังแล้วง่วง แต่ถ้าได้ดูรายการในดาวธรรมแล้วจะพบว่าเป็นรายการธรรมะที่ไม่ใช่แบบเดิมที่เราคิด ดูไม่เบื่อเลยจนต้องดูทุกวัน เพราะมีรูปแบบรายการธรรมะที่มีหลากหลาย สนุก ดูได้ตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ จนถึงผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งเราชอบมากๆ ชอบทุกรายการ เราฟังแล้วเกิดความสบายใจ พอตื่นขึ้นมาก็เปิดปุ๊บ ทันทีเลย พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนอะไรเราเยอะมาก รู้สึกดีจนต้องบอกให้เพื่อนหลายคนไปติดจานที่บ้านกันด้วย"
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลังว่างจากงานปกติ เธอจะนัดกินเที่ยวเล่นกันในกลุ่มเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้ เราจะพากันมาวัดนั่งสมาธิ ชวนกันมาทำบุญ
"..คือ กิน เที่ยว นัดขับรถไปต่างจังหวัด เรานัดกันมามากแล้ว แต่หากมีกิจกรรมหนึ่ง ที่มันดีกับชีวิตนะ มันนำมาซึ่งความสุขที่เป็นความสุขที่แท้จริง เราจะชวนกันมา ชวนกันทำ อย่างเมื่อก่อนเพื่อนโทรมา จะเม้าส์กันเรื่องหนังบ้าง เรื่องคนโน้น คนนี้ เดี๋ยวนี้จะคุยกันแต่บุญ มันเก๋กว่าไหม มันเลิศกว่าไหม คุยกันว่าเมื่อคืนดูรายการ Case Study รึเปล่า เออ..!! บาปอย่างนี้เราอย่าทำนะ เราชวนกันทำดีอย่างนั้นอย่างนี้นะ คือเห็นได้ชัดเลยว่าชีวิตเราและเพื่อนๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นและมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด"
โดยเฉพาะ..เลขาฯ ของเธอ เมื่อก่อนจะเมาทุกวัน และเธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
"..เรารักเขานะ เป็นห่วงเขาด้วย แต่หลังจากเราเรียนรู้จากธรรมะว่า ดื่มเหล้าแบบนี้ ตายไปต้องตกนรกขุม ๕ แน่ๆ เราจึงเรียกเขามาคุยอธิบายให้เขาเข้าใจ ยื่น VCD เรื่องสุรามหาโทษ และเรื่องมหานรกขุม ๕ ให้ ชวนเขาไปงานเทเหล้า เผาบุหรี่ด้วยกัน จนสุดท้ายเขายอมเลิก.. และต่อมาก็ชวนให้เขาติดจานดาวธรรมด้วย เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนไปมาก มาวัดวันอาทิตย์ต้นเดือนกับ เราด้วย
..ความจริง โครงการจานดาวธรรมน่าจะมีตั้งนานแล้ว เพราะมนุษย์ทุกวันนี้ เหมือนกำลังถูกจับหมุนอยู่ และต้องการหาหลักอะไรสักอย่าง เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้อย่างสมดุล และมีความสุข แต่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร บางคนคิดว่าคงเป็นการเปลี่ยนงานมั้ง หากเปลี่ยนแล้วใจมันยังไม่สบายขึ้น แล้วจะต้องแสวงหาการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตไปตลอดเลยหรือ เพราะหากใจสบายแล้วมันอยู่ได้ทุกที่ ซึ่งจานดาวธรรมจะเข้ามาช่วยตรงนี้ได้มาก จะมีรายการที่ให้หลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และทำให้มีความสุขขึ้นอย่างแตกต่าง"
มีเหมือนกัน ที่เธอไปชวนเพื่อนติดจานดาวธรรม ซึ่งเขาเป็นคนประเภท Anti วัดมากๆ แต่หลังจากที่เขาติดจานดาวธรรมแล้ว ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง
"ตอนนี้เขารู้สึกดีกับวัดมากๆ เข้าใจวัดมากขึ้น ถึงกับบอกว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อทำได้ขนาดนี้เลยหรือ ซึ่งจะเห็นว่าแท้จริงแล้ว เขายังไม่เข้าใจ แต่หากเขาได้มารู้มาเห็นแล้ว เขาจะพบว่ามันมีประโยชน์กับชีวิตอย่างแท้จริง
ทุกวันนี้หลายคนยังเข้าใจไปว่า สมาธิ คือการจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีสมาธิในการทำงาน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น สมาธิเป็นสิ่งที่ต้องฝึก โดยการทำทุกวัน แล้วเราจะพบว่า สมาธิสามารถทำให้ใจเรานิ่งได้ ไม่หวั่นไหวง่ายกับอารมณ์รอบข้าง ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาหลายๆ อย่างได้อย่างสุขุม แล้วมันทำให้ใจสบาย เมื่อใจสบาย เวลาทำอะไรหลายๆ อย่างจะทำให้เราพบความพอดีได้อย่างลงตัวในตัวของมันเอง" |