เคลียร์ข่าววัด
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์
การว่าร้ายต่อพระมหาธรรมกายเจดีย์
การว่าร้ายต่อพระมหาธรรมกายเจดีย์ต่าง ๆ นานาว่าเป็นจานบินบ้าง หรือเอารูปไปตัดต่อและกระทำการต่าง ๆ ด้วยความไม่เคารพบ้าง ผลจะเป็นอย่างไร ?
พระมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและมีพระพุทธปฏิมากรแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าล้านพระองค์ คนว่าร้ายพระเจดีย์ก็เท่ากับเป็นการกล่าวร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ! ซึ่งกรรมจากการว่าร้ายนั้นหนักมาก แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองก็ทรงเคยผิดพลาดในเรื่องนี้มาก่อน จึงทรงนำบทเรียนมาเทศน์สอนสรรพสัตว์ เรื่องมีอยู่ว่า...
ในชาติที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นนักเลงชื่อ “มุนาฬิ” ท่านได้ด่าพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีลห่มจีวรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทำมาหากินมัวแต่เที่ยวเดินขออาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”
ด้วยกรรมนี้ทำให้ “มุนาฬิ” ตกนรกหมกไหม้ทนทุกข์ทรมานหลายพันปีนรก จนมาในภพชาติสุดท้าย แม้พระองค์ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วยังหนีกรรมนั้นไม่พ้นทำให้พวกเดียรถีย์อิจฉาริษยา คิดหาอุบายวางแผนใส่ร้าย โดยส่งปริพาชิกาที่ชื่อ “สุนทรี”เดินเข้าออกในวัดพระเชตวันอยู่ ๒-๓ วันทำ ทีว่าไปพักอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นเดียรถีย์จึงจ้างพวกโจรให้ไปฆ่านาง แล้วนำศพโยนทิ้งไว้หลังพระคันธกุฎี พร้อมกับทำแผนชั่วใส่ความพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นคนฆ่านาง ทำให้มีคนหลงเชื่อมากมาย แล้วพากันด่าว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยคำหยาบคาย
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระองค์ยังถูก “นางจิญจมาณวิกา” กล่าวตู่ว่าได้เข้าไปนอนในพระคันธกุฎีร่วมกับพระพุทธองค์จนตั้งครรภ์ทำให้ชาวบ้านบางส่วนหลงเชื่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะภพชาติในอดีต พระองค์เคยกล่าวตู่พระอรหันต์องค์หนึ่งที่ชื่อ “นันทะ”
ด้วยบาปกรรมนี้พระองค์จึงต้องตกนรกเสวยทุกข์ทรมานเป็นเวลาที่ยาวนานถึงหนึ่งหมื่นปีนรก จนเมื่อได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ยังถูกกล่าวตู่มากมาย แม้ภพชาติที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว กรรมก็ยังตามส่งผลให้พระองค์ถูกนางจิญจมาณวิกากล่าวตู่ด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นจริงต่อหน้าสาธารณชน
จะเห็นว่า การว่าร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์เพียงองค์เดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงได้รับวิบากกรรมแสนสาหัสมาทุกภพทุกชาติ ดังนั้นก็ลองคิดดูแล้วกันว่า..การกล่าวร้ายพุทธปฏิมากรซึ่งเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๑ ล้านพระองค์ จะต้องได้รับวิบากกรรมมากขนาดไหน !
ชาวพุทธทั่วไปเขาปฏิบัติอย่างไรเพื่อแสดงความเคารพพระเจดีย์ ?
ในประเทศเมียนมาซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก เมื่อคนในประเทศนี้เดินเข้าสู่ลานพระเจดีย์หรือแม้แต่เข้าเขตวัด ทุกคนจะต้องถอดรองเท้าเพื่อแสดงความเคารพ ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตเพียงใดก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อคราวที่อังกฤษบุกมายึดประเทศเมียนมาเป็นอาณานิคมนั้น ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษต้องการเข้าเยี่ยมชมพระมหาเจดีย์ชเวดากองโดยไม่ถอดรองเท้า เพราะนับถือคนละศาสนา อีกทั้งยังถือว่าตนคือผู้มีอำนาจปกครองประเทศ
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเท่านั้น ชาวเมียนมานับหมื่นคนก็มารวมตัวกันที่ลานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง แม้จะไม่มีอำนาจห้ามปรามข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษ ไม่มีอาวุธใดจะไปต่อสู้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันนอนทอดร่างเรียงต่อกันจนเต็มลานพระมหาเจดีย์ยอมให้รองเท้าข้าหลวงชาวอังกฤษเหยียบย่ำลงบนร่างกายของตนดีกว่ายอมให้รองเท้ากระทบถูกลานพระเจดีย์
ด้วยพลังศรัทธาอันเปี่ยมล้นของชาวเมียนมาเช่นนี้ ทำให้ข้าหลวงใหญ่ชาวอังกฤษถึงกับสะท้าน และยอมถอดรองเท้าเข้าลานพระเจดีย์
จะเห็นว่า..ความเคารพต่อพระรัตนตรัยของชาวเมียนมามีมากถึงขนาดนี้ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนชาวไทยก็ควรเอาเยี่ยงอย่างเพราะถ้าหากเราได้ศึกษาจาก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๔ขุททกนิกาย อปทานภาค ๑ เรื่องปัจจุปัฏฐานสัญญกเถราปทาน ประวัติในอดีตชาติของพระปัจจุปัฏฐานสัญญกเถระ จะพบว่า..การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์จะมีพระชนม์ชีพอยู่หรือปรินิพพานไปแล้ว หากจิตเลื่อมใสเสมอกัน บุญย่อมเท่ากัน ดังคำ ยืนยันในพระไตรปิฎกว่า...“หากผู้ใดพึงบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก ยังดำรงพระชนม์อยู่ก็ดีพึงบูชาพระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดของพระพุทธเจ้าแม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตที่เลื่อมใสของผู้นั้นเสมอกัน บุญก็มีผลมากเสมอกัน เพราะฉะนั้นท่านจงสร้างสถูปบูชาพระธาตุของพระชินเจ้าเถิด”...