วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ เวียนเทียนวันวิสาขบูชา

 

ข้อคิดรอบตัว
เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.; Ph.D) จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC
 
เวียนเทียนวันวิสาขบูชา  
 
เวียนเทียน วันวิสาขบูชา
 
สมัยพุทธกาลมีการเวียนเทียนหรือไม่?
 
      การเวียนเทียนเป็นธรรมเนียมที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เวลามีการแสดงความเคารพต่อสิ่งใดจะใช้การเวียนเทียน ซึ่งมีศัพท์เรียกว่าเวียนประทักษิณ  ที่เราเรียกว่าเวียนขวา คือเวลาเราจะแสดงความเคารพสิ่งใด อย่างเช่นจะเวียนเทียนรอบโบสถ์   รอบพระพุทธรูป รอบพระสถูป ให้เอาแขนขวาของเราเข้าใกล้สิ่งนั้น หรือบางทีเราก็อาจจะอาราธนาพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ มาวางไว้ แล้วเวียนเทียนรอบ ๆ พระพุทธรูปองค์นั้น  ไม่จำเป็นต้อง    เวียนเทียนรอบโบสถ์ก็ได้ เพราะบางที่ไม่มีโบสถ์  ให้เราอาราธนาพระพุทธรูปมาวางไว้ แล้วเดินเวียนรอบ ๆ ก็ถือเป็นการเวียนเทียนเหมือนกัน คือเวียน     ประทักษิณระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง 
 
ทำไมต้องมีการเวียนเทียน?
 
      ที่เรียกว่าเวียนเทียนเพราะว่าเราถือเทียนไว้  ในมือ ซึ่งบางทีก็มีทั้งเทียน ทั้งธูป แต่เราไม่เรียกเวียนธูป เพราะธูปเป็นควันมองเห็นไม่ชัด แต่เทียนมันสว่าง มองเห็นง่าย เราก็เลยเรียกว่าเวียนเทียน 
 
       การเวียนเทียนคือการบูชาด้วยความสว่าง เพราะถือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำความสว่างแห่งปัญญามาให้เราได้รู้จักความจริงของโลกและชีวิต เราบูชาปัญญาซึ่งมีตัวแทนคือความสว่างโดยใช้เทียน ส่วนธูปเป็นการบูชาด้วยของหอม ว่ากลิ่นศีลของพระองค์หอมทวนลม   
 
       เคยมีคำถามว่า อะไรเอ่ยหอมทวนลม ปกติความหอมทั่วไปจะหอมตามลม เพราะความหอมเกิดจากโมเลกุลของสิ่งนั้นมากระทบต่อเซลล์ประสาทรับกลิ่นของเราที่โคนจมูก พอเราหายใจเข้าไป โมเลกุลของสิ่งนั้นจะไปกระทบกับใยประสาท ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา แล้วอะไรจะหอมทวนลมได้ ท่านบอกว่ากลิ่นศีลจะหอมทวนลม ปกติเทวดาอยากอยู่ห่างมนุษย์มาก ๆ ไม่อยากเข้าใกล้ เพราะเทวดารู้สึกว่ากลิ่นมนุษย์เหม็นเหมือนศพ ไม่อยากเข้าใกล้ ยกเว้นมนุษย์ผู้มีศีล ถ้าวันไหนเทวดาจะลงมาดูแลรักษาเรา ก็เพราะกลิ่นศีลหอมทวนลม เพราะฉะนั้นเราบูชาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระบริสุทธิคุณด้วยการจุดธูประลึกถึงศีลของพระองค์ และเราเองก็ต้องปฏิบัติให้มีศีลอย่างพระองค์ด้วย  
 
        ศีล ๕  คือศีลเบื้องต้นของฆราวาส แต่ถ้าวันพระหรือวันคล้ายวันเกิด เช่น ใครเกิดวันจันทร์ ก็รักษาศีล ๘ วันจันทร์ อาทิตย์หนึ่งสักครั้งหนึ่ง    ถ้าทำได้จะดีมาก เพราะถ้าเรารักษาศีล ๕ เดี๋ยวนี้สิ่งยั่วยวน สิ่งเร้ามีมาก เกิดเราใจอ่อนไปผิดศีล ศีลเราก็จะขาด แต่ถ้าเรายกใจเราสูงขึ้นเป็นศีล ๘ ถึงคราวจะร่วงลงมาเป็นศีล ๕ ก็ยังดี คือเหมือนกับชกรุ่นเฮฟวีเวทแล้วพอเจอรุ่นฟลายเวทก็สบาย ๆ ฉะนั้นอาทิตย์หนึ่งก็เอาวันเกิดตัวเองสัก ๑ วัน วันพระอีก ๑ วัน รักษาศีล ๘ ให้ได้ ๒ วันต่อสัปดาห์ อย่างนี้เยี่ยมเลย
 
ปัจจุบันประเทศอินเดียยังมีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชาไหม?
 
       หลังจากอิสลามรุกเข้ามายึดอินเดีย พระพุทธศาสนาก็หายจากอินเดียไปช่วงใหญ่ แต่ตอนนี้   เริ่มฟื้นกลับมาแล้ว 
 
        เมื่อวิสาขบูขาที่ผ่านมาก็มีการนิมนต์และเชิญตัวแทนจากวัดพระธรรมกายไปจัดงานวิสาขบูชาที่อินเดีย ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ส่งหมู่คณะไป ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีมาร่วมงานกันหลายท่าน    เขาปลื้มใจมาก ขอให้ไปช่วยจัดตามเมืองต่าง ๆ อีกหลายแห่ง และบอกว่าปีหน้าช้าไป ขอเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม มีงานอะไรก็อยากให้ไปช่วยจัด ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้กลับไปสู่แดนพุทธภูมิคือประเทศอินเดียอย่างจริงจังแล้ว
 
พิธีกรรมวันวิสาขบูชาของอินเดียกับไทยเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
 
        โดยพื้นฐานก็คล้าย ๆ กัน เพราะตอนนี้เราเอาต้นแบบธรรมเนียมพุทธของเรากลับไปให้เขา เขากำลังดูชาวพุทธไทยเป็นต้นแบบ แต่ก็ต้องปรับให้เข้ากับธรรมชาติบ้านเมืองเขาเหมือนกัน เช่น การปล่อยโคมลอย เมืองเขาลมแรงมาก บางทีพัดจนกระดาษที่หุ้มโคมโป่ง ถูกไฟข้างในไหม้ก็มี แต่คนอินเดียเขาก็สู้ พยายามจนสามารถปล่อยได้สำเร็จเป็นร้อย ๆ โคม แล้วเขาก็เบิกบานกัน อยากจะให้จัดอีก มีชาวอินเดียมาร่วมงานเป็นหมื่นเป็นแสนคนอย่างเงียบสงบและเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอินเดีย ทำให้เกิดความทึ่งและตะลึงไปตาม ๆ กัน  
 
        เราเอาธรรมเนียมปฏิบัติที่วัดของเราไปทำ   ที่อินเดีย ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสงบเสงี่ยม ทุกอย่างเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อพระรัตนตรัย แสดงความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสร้างความประทับใจและความศรัทธาแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ของอินเดียได้เป็นอย่างดี  
 
อานิสงส์ของการร่วมพิธีเวียนเทียนมีอะไรบ้าง?
 
         อานิสงส์มหาศาล มีเรื่องจริงเกิดขึ้นเมื่อครั้งพุทธกาล คือมีเทพธิดาเกิดใหม่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชั้นเดียวกับพระอินทร์ เทพธิดาที่เกิดขึ้นมามีวิมานสวยมาก มีสีทอง เทวรถก็สีทอง พัดก็สีทอง อะไร ๆ ก็สีทองทั้งนั้น สีเหลืองทองสวยงามมาก พระอินทร์เห็นยังทึ่งเลย และไปถามเทพธิดาเจ้าของวิมานว่า “ดูก่อนเทพธิดา เธอทำบุญอะไรมาหรือ ทำไมวิมานสวยอย่างนี้” เทพธิดาไม่กล้าตอบเพราะอาย พอพระอินทร์ถามรุกเร้าเข้า ก็เลยตอบว่า 
 
        “ดิฉันเพิ่งมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตอนเป็นมนุษย์กำลังจะไปบูชาพระสถูปเจดีย์ด้วยดอกบวบขม เคยเห็นชาวบ้านเขาถือธูปเทียนไปไหว้พระสถูปเจดีย์ ก็อยากจะไปบ้าง แต่ไม่มีเงินซื้อธูปเทียนของหอมอย่างคนอื่นเขา เพราะจนมาก จึงเด็ดดอกบวบขมข้างทางมา ๔ ดอก ตั้งใจจะไปบูชาพระสถูปเจดีย์” 
 
        ระหว่างเดินไป วิบากกรรมเก่าตามมาถึง   ถูกแม่โควิ่งมาขวิดตายกลางทาง ขณะที่ใจเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธา พอละจากโลกนี้ก็ได้เกิดเป็น  เทพธิดามีวิมานสีเหลืองทอง 
 
         นี่ขนาดยังไปไม่ถึงพระสถูปเจดีย์ แต่ความตั้งใจมีอยู่ ของที่บูชาก็เป็นของที่ราคาถูกมาก คือดอกบวบที่เก็บจากข้างทาง อานิสงส์ยังส่งขนาดนี้ ถ้าตั้งใจเวียนเทียนบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยใจศรัทธาเลื่อมใสมั่นคงแน่วแน่ ยิ่งทำสมาธิไปด้วย ลองคิดดูว่าบุญขนาดไหน อานิสงส์มหาศาลเลย ท่านถึงสรุปว่า “เมื่อมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยแล้ว ทักษิณาทานหาชื่อว่าเป็นของน้อยไม่” 
 
ในระหว่างการเวียนเทียน ๓ รอบต้องมีการสวดมนต์ไหม?
 
        ส่วนใหญ่สวดนะโมตัสสะ... และ อิติปิโส...    อิติปิโส... คือการบูชาพระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าสวดมนต์ไปด้วยใจจะไม่คิดวอกแวกไปที่อื่น ฉะนั้นในการเวียนเทียนถ้าไม่ได้สวดมนต์ สำหรับคนที่ยังฝึกสมาธิมาน้อย บางทีก็เวียนไปคุยกันไป ฉะนั้นสวดมนต์ดีกว่า จะได้อยู่ในบุญ บทสวดก็เป็นบทบูชาพระรัตนตรัย จะใช้บทไหนที่เราคุ้นเคย อะระหังสัมมา... ก็ได้ อิติปิโส... ก็ได้ นะโมตัสสะ... ก็ได้ สวดไปใจก็
ทำสมาธิไปด้วย ถ้าคนไหนเคยฝึกสมาธิมาแล้ว 
ใจจดจ่อบูชาพระรัตนตรัยอย่างนี้ยิ่งดีมาก  
 
การเวียนเทียน ๓ รอบ มีความหมายอะไรหรือเปล่า?
 
         เป็นธรรมเนียมแต่ครั้งพุทธกาลแล้วที่ทำอะไรมักจะทำ ๓ รอบ รอบที่ ๒ เรียกทุติยัมปิ รอบที่ ๓ เรียกตะติยัมปิ อาราธนาศีลก็ยังต้องอาราธนา     ๓ ครั้ง เวลาขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งยังต้อง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ และยังมีทุติยัมปิ คือรอบ ๒ ตะติยัมปิ คือรอบ ๓ แม้แต่บวชพระก็เหมือนกัน เวลาบวช พระคู่สวดต้องตั้งญัตติขึ้นมาว่า ดูก่อนสงฆ์ทั้งหลายโปรดฟังข้าพเจ้าว่า มีบุคคลชื่อนี้    (ชื่อบาลี) ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอุปัชฌาย์ชื่อนี้ ตั้งใจจะมาขอบวชต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์เห็นพร้อมกันแล้ว โปรดอนุญาตให้บุคคลผู้นี้บวชด้วย นี่เป็นญัตติ    ตั้งญัตติขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ทวน ๓ รอบ ถามความเห็น รอบที่ ๑ ถ้าสงฆ์ทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันขอให้นิ่ง ถ้าไม่เห็นพ้องต้องกัน ก็ให้ทักท้วง ถามอย่างนี้ ๓ รอบ 
 
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนามีประโยชน์อย่างไร?
 
       ให้มองอย่างนี้ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น หลักปฏิบัติต่าง ๆ เปรียบเหมือนต้นไม้ ที่มี  ตั้งแต่เปลือก กระพี้ และแก่น แก่นไม้คือส่วนที่เป็นสาระของต้นไม้ แต่แก่นก็ต้องมีเปลือกมาหุ้ม แล้วเปลือกก็มีกระพี้หุ้มอีกที บางคนบอกว่าเปลือกกับกระพี้ไม่สำคัญ จริง ๆ ถ้าไม่มีเปลือก ไม่มีกระพี้ ต้นไม้ก็ตายเหมือนกัน เปลือกและกระพี้เป็นตัวหุ้มต้นไม้เอาไว้ แล้วน้ำเลี้ยงก็หล่อเลี้ยงให้แก่นค่อย ๆ โตขึ้น ชาวพุทธเราปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา ก็มีทั้งเปลือก กระพี้ และแก่น 
 
       ตัวพิธีกรรมในพระพุทธศาสนาเช่นการเวียนเทียนถือว่าเป็นส่วนของเปลือกและกระพี้ แต่ถ้าระหว่างที่เวียนเทียนเราสวดมนต์ไปด้วย ทำสมาธิ  ไปด้วย อันนี้ถือว่าได้ทั้งเปลือก กระพี้ และแก่นไปด้วยในตัว แต่บางคนที่ไปเวียนเทียนตามธรรมเนียม เห็นเขาเวียนเทียนก็เวียนไปด้วย เวียนไปคุยไป อย่างนี้ได้เฉพาะในส่วนของกระพี้กับเปลือก ยังไม่ไปถึงแก่น ฉะนั้นแต่ละคนที่ไปเวียนเทียนด้วยกัน    แม้เวียนที่เดียวกัน ก็ได้ประโยชน์ไม่เท่ากัน    
 
        ในแง่ของหลักปฏิบัติตามคำสอนของ     พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การปฏิบัติตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา, ทาน ศีล ภาวนา นั่นคือส่วนของแก่น ที่เป็นสาระที่แท้จริง แต่ถ้าอยู่ ๆ ชวนกันไปวัด บอกให้มานั่งสมาธิเลย มีคนที่พร้อมจะเข้าวัดจริง ๆ ไม่มาก แต่ถ้าชวนไปเวียนเทียนง่ายกว่า 
 
        ไปเวียนเทียนวันวิสาขบูชา นั่นคือส่วนของพิธีกรรม คือส่วนของเปลือกและกระพี้ ชวนคนมาได้ง่าย พอมาถึงวัด ไหน ๆ มาเวียนเทียนแล้ว ใจเป็นกุศลขึ้นมา ทำความดีเพิ่มอีกนิด เพิ่มรักษาศีลอีกหน่อย อย่างนี้จะง่ายขึ้น 
 
       เพราะฉะนั้น จะว่าพิธีกรรมไม่สำคัญก็ไม่ใช่  พิธีกรรมมีความสำคัญ เพราะสามารถสร้าง   ความศรัทธาให้เพิ่มขึ้นได้ ไปเวียนเทียนพร้อมกัน คนที่ตั้งใจอยู่แล้วก็เลยเกิดปีติศรัทธามากขึ้นอีก ตอกย้ำให้คนใหม่รู้สึกดีมากขึ้น คนเก่าก็เกิด   ความศรัทธาเพิ่มขึ้น พิธีกรรมมีส่วนเสริม แต่ต้อง ไม่ลืมว่าอย่าติดแค่พิธีกรรมอย่างเดียว พิธีกรรมเป็นเครื่องจูงใจ แต่สาระสำคัญจริง ๆ คือการปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ตั้งใจทำให้ดี เพราะทำแล้วจะเกิดเป็นบุญกุศลติดตัวเราไป 
 
        ฉะนั้น เราชาวพุทธเมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต้องปฏิบัติให้ครบ โดยมุ่งไปหาแก่น แต่ไม่ถึงขนาดปฏิเสธเปลือกและกระพี้ แล้วสุดท้ายต้องนำไปสู่สาระคือการปฏิบัติเสมอ คนที่เข้าใจอยู่แล้วไปชวนคนใหม่เข้ามาโดยอาศัยพิธีกรรมเป็นอุปกรณ์ใน  การชักชวน และนำมาสู่การปฏิบัติ คนที่เข้าใจแก่นก็เหมือนกับต้นไม้ที่แก่นโตขึ้น ๆ จากไม้ต้นเล็ก ๆ ก็โตขึ้น สุดท้ายใหญ่จนต้องโอบเลย 
 
        อยากให้พระพุทธศาสนาในทุกถิ่นในประเทศไทยทั้งประเทศ แต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอ แต่ละตำบล แต่ละหมู่บ้าน เป็นไม้ใหญ่ที่มีความมั่นคงแข็งแรง เป็นต้นโพธิ์ต้นไทรที่ให้ร่มเงาให้ผู้คน    ทั้งหลายเกิดความสงบร่มเย็น ถ้าชาวพุทธทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ พระสงฆ์ตั้งใจสอนประชาชน ตัวเองปฏิบัติด้วย สอนประชาชนด้วย และชาวพุทธเองก็ตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม อุปถัมภ์บำรุงพระภิกษุสงฆ์ บำรุงพระพุทธศาสนาด้วย แล้วตั้งใจปฏิบัติด้วย จากพิธีกรรมที่เป็นเปลือก กระพี้ จนกระทั่งถึงแก่นแห่งการปฏิบัติจริง ๆ อย่างนี้แล้ว พระพุทธศาสนาในประเทศไทยของเราจะสถิตสถาพรยั่งยืนนาน ภัยใด ๆ ข้างนอกก็ทำอันตรายเราไม่ได้ สมดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ตราบใดที่ชาวพุทธยังรักการประพฤติปฏิบัติธรรม พระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงไปตราบนั้น” 
 
เวียนเทียน วันวิสาขบูชา
 
“การเวียนเทียน คือ
การบูชาด้วยความสว่าง
เพราะถือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงนำความสว่างแห่งปัญญา
มาให้เราได้รู้จักความจริง
ของโลกและชีวิต“
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 127 พฤษภาคม ปี2556

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล